ขิง เป็นพืชล้มลุก มีเหง้าใต้ดิน ตระกูลเดียวกับขมิ้น มีสรรพคุณทางสมุนไพรหลายอย่าง
ขิง เป็นพืชล้มลุกที่มีเหง้าใต้ดินรสเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเครื่องปรุงรสและสมุนไพร นอกจากจะช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหารแล้ว ขิงยังมีสรรพคุณทางยาที่น่าสนใจอีกมากมาย
สรรพคุณทางยา
ลดพุงสลายไขมัน แก้ไมเกรน : นำขิงแก่มาล้างให้สะอาดหั่นเป็นแว่นๆบางๆ ต้มให้น้ำออกเป็นสีเหลือง เติมน้ำตาลเล็กน้อย ดื่มประจำในช่วงเช้าประมาณตี 5-6 โมงเช้า ยังมีสรรพคุณชะลอความแก่ ป้องกันและต่อต้านการเกิดมะเร็ง ลดความดันโลหิต ช่วยให้ขับถ่ายได้ดี ขับของเสียในลำไส้ ช่วยลดน้ำหนัก
แก้อาเจียนอย่างรุนแรง : ใช้ขิงสดตำพอกที่จุดเหนือข้อมือด้านใน ใช้เหรียญสตางค์ปิดทับ แล้วใช้พลาสเตอร์หรือยางรัดยึดไว้ ป้องกันการเมารถเมาเรือได้ ถ้ามีอาการเมาให้นำขิงสดมาตำขั้นเอาน้ำดื่ม ไม่ต้องดื่มน้ำตาม
แก้หวัด บรรณเทาอาการไอ ขับเสมหะ : ใช้ขิงสดฝนกับน้ำมะนาวใส่เกลือเล็กน้อยดื่ม
แก้แพ้ เป็นหวัดเนื่องจากกระทบความเย็น เช่น โดนลม ตากฝน ทำให้หนาวมีไข้ขึ้น : นำขิงสดมาหั่นเป็นฝอย 30 กรัม ชงกับน้ำตาลทรายแดง ดื่มร้อนๆแล้วห่มผ้าให้เหงื่อออก
แก้บิด : ขิงสดประมาณ 75 กรัม ตำผสมกับน้ำตาบทรายแดง คั้นเอาน้ำดื่มวันละ 3 ครั้ง
รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก พิษแมลง : นำขิงสดมาตำให้ละเอียด แล้วนำมาผอกที่แผล
แก้สะอึก : นำขิงสดมาตำแล้วคั้นเอาน้ำ ผสมกับน้ำผึ้งเล็กน้อย คนให้เข้ากันแล้วดื่ม
ระงับกลิ่นปาก : นำขิงสดคั้นผสมน้ำอุ่น เติมเกลือเล็กน้อย คนให้เข้ากันล้านำมาอมหรือบ้วนปาก
กำจัดกลิ่นรักแร้ : นำขิงสดมาตำคั้นเอาน้ำ แล้วนำมาทาที่รักแร้เป็นประจำ
แก้ปัญหาผมร่วงหัวล้าน : นำขิงสดตำคั้นเอาน้ำ ผสมกับน้ำมันมะกอก แล้วนำมาหมักผมให้ทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วล้างออก
ฟื้นฟูร่างกายหลังคลอด : ให้ทานไก่ผัดขิงโดยเฉพาะผัดกับไก่ตัวผู้จะช่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดี
บรรเทาอาการแผลในกระเพาะและลำไส้ส่วนต้น : นำขิงสดมาตำให้ละเอียด ต้มกับน้ำ 300 มิลลิลิตร นาน 30 นาที กินวันละ 3 เวลา เป็นเวลา 2 วัน
แก้ท้องอืดท้องเฟ้อจุกเสียดแน่นท้อง ขับลมในลำไส้ : นำขิงแก่ทุบพอแหลก ใส่แก้วเติมน้ำเดือดครึ่งแก้วปิดฝา 5 นาที ดื่มระหว่างมื้ออาหาร
สรรพคุณของขิง
- บรรเทาอาการคลื่นไส้: ขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอาการคลื่นไส้จากการตั้งครรภ์ การเดินทาง หรือการรับประทานยาบางชนิด
- ลดอาการปวด: สารในขิงช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด เช่น ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ
- ช่วยย่อยอาหาร: ขิงช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย ทำให้อาหารย่อยง่ายขึ้น ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
- บรรเทาอาการหวัด: ขิงช่วยลดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และเจ็บคอ
- เพิ่มภูมิคุ้มกัน: สารต้านอนุมูลอิสระในขิงช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ: ขิงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และช่วยลดความดันโลหิต
- ป้องกันมะเร็ง: สารในขิงมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด
วิธีการใช้ขิง
- ปรุงอาหาร: นำเหง้าขิงมาขูดหรือบดเป็นผง แล้วนำไปผสมในอาหารต่างๆ เช่น แกงส้ม ต้มยำ ผัดกระเพรา
- ดื่มน้ำขิง: นำเหง้าขิงมาต้มดื่ม หรือจะนำมาผสมกับน้ำผึ้งและมะนาวก็ได้
- ใช้ภายนอก: นำขิงมาตำแล้วนำไปพอกบริเวณที่ปวดเมื่อย
ข้อควรระวัง
- การแพ้: บางคนอาจแพ้ขิง อาการที่พบได้บ่อยคือ ผื่นคัน หากมีอาการแพ้ควรหยุดใช้ทันที
- การใช้ร่วมกับยา: ขิงอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้หากกำลังรับประทานยาอยู่
- สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร: ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
ขิงในรูปแบบต่างๆ
- เหง้าขิงสด: นิยมนำมาปรุงอาหาร
- ผงขิง: สะดวกในการใช้ปรุงอาหาร
- น้ำขิง: สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด
- ชาขิง: ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น
สรุป ขิงเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม และปรึกษาแพทย์ก่อนใช้หากมีโรคประจำตัว หรือหากต้องการใช้เป็นเวลานาน
สงสัยส่วนไหน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ line ID @ptkss.com (กด)