แจกสูตรน้ำพริก 60 แบบ ทำกินเองได้ไม่ต้องง้อร้าน

แจกสูตรน้ำพริก 60 แบบ ทำกินเองได้ไม่ต้องง้อร้าน

แจกสูตรน้ำพริก 60 แบบ ทำกินเองได้ไม่ต้องง้อร้าน

แจกสูตรน้ำพริก 60 แบบ ทำกินเองได้ไม่ต้องง้อร้าน ไม่มีอะไรจะบ่งบอกความเป็นไทยได้ดีไปกว่าน้ำพริก—เมนูคู่ครัวที่อยู่ในทุกบ้านไทยมานานหลายชั่วอายุคน ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกกะปิหอมกลิ่นเตาถ่าน น้ำพริกปลาร้าสุดแซ่บ หรือแม้แต่น้ำพริกตาแดงสุดเข้มข้น ทุกสูตรล้วนมีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ในบทความนี้ เราขอชวนคุณมาเปิดตำราครัวไทยฉบับพิเศษกับ “60 สูตรน้ำพริก” ที่คัดสรรมาทั้งสูตรโบราณ สูตรประยุกต์ และสูตรทำง่ายสำหรับคนรุ่นใหม่ มีครบทั้งน้ำพริกจาก 4 ภาค น้ำพริกจิ้มผัก น้ำพริกกับข้าว น้ำพริกกินกับของทอด หรือแม้แต่น้ำพริกเพื่อสุขภาพ

ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดเข้าครัว หรือสายทำอาหารตัวจริง รับรองว่า 60 สูตรนี้จะช่วยเพิ่มสีสันให้มื้ออาหารของคุณ และอาจทำให้คุณหลงรักน้ำพริกมากขึ้นกว่าเดิม

น้ำพริกปลา

1.น้ำพริกปลากรอบ

น้ำพริกหอมๆ กรอบๆ กินกับข้าวสวยร้อนๆ หรือข้าวเหนียวก็อร่อย เป็นเมนูแซ่บง่ายที่เก็บไว้กินได้หลายวัน

ส่วนผสม:

  • ปลากรอบ (ปลาซิว หรือปลากระดี่ทอดกรอบ) — 1 ถ้วย

  • พริกแห้งเม็ดใหญ่ (หรือเล็กตามชอบ) — 5-7 เม็ด

  • กระเทียม — 10 กลีบ

  • หอมแดง — 4 หัว

  • น้ำตาลปี๊บ — 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะขามเปียก — 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา — 1-1.5 ช้อนโต๊ะ (ตามรสชอบ)

  • น้ำมันพืช — สำหรับทอด

วิธีทำ:

  1. เตรียมวัตถุดิบ:
    – ล้างพริกแห้ง หั่นเป็นท่อนสั้น ๆ
    – ปอกเปลือกหอมแดงและกระเทียม

  2. ทอดเครื่องน้ำพริก:
    – ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน
    – ทอดพริกแห้งจนกรอบ แล้วตักพักไว้
    – ทอดกระเทียมและหอมแดงจนเหลืองหอม พักไว้
    – ทอดปลากรอบจนกรอบและหอม พักให้สะเด็ดน้ำมัน

  3. โขลกส่วนผสม:
    – โขลกพริกทอด กระเทียม และหอมแดงให้ละเอียดพอประมาณ
    – ใส่ปลากรอบลงไปโขลกพอแตก ไม่ต้องละเอียดมาก (จะได้ความกรอบ)

  4. ปรุงรส:
    – เติมน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียกลงไป
    – คนให้เข้ากัน ชิมรสให้เปรี้ยว เค็ม หวานพอดีตามชอบ

  5. เสิร์ฟ:
    – ตักใส่ถ้วย กินกับข้าวสวย ผักลวก หรือไข่ต้ม อร่อยมาก!

เคล็ดลับ:

  • ใช้ปลาทอดกรอบใหม่ๆ จะหอมกว่า

  • ถ้าอยากเก็บไว้ได้นาน ควรผัดน้ำพริกในกระทะอีกครั้งให้แห้งก่อนเก็บในภาชนะปิดสนิท

2.น้ำพริกปลาช่อนคั่วแห้ง

น้ำพริกแห้งรสเข้มข้น กลิ่นหอมปลาคั่ว กินกับข้าวเหนียวหรือข้าวสวยร้อน ๆ ก็ฟิน หรือจะพกไปเป็นกับข้าวเวลาเดินทางก็สะดวกมาก

ส่วนผสม:

  • ปลาช่อนย่าง (แกะเอาแต่เนื้อ) — 1 ตัวกลาง

  • พริกแห้งเม็ดใหญ่หรือเม็ดเล็ก (ตามชอบ) — 7-10 เม็ด

  • กระเทียม — 10 กลีบ

  • หอมแดง — 5 หัว

  • น้ำตาลปี๊บ — 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา — 1-1.5 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะขามเปียก — 1-2 ช้อนโต๊ะ (ปรับตามความเปรี้ยว)

  • น้ำมันพืช — สำหรับผัด

วิธีทำ:

  1. เตรียมปลาช่อน:
    – ย่างปลาช่อนให้หอม สุกทั่วถึง
    – แกะเอาเฉพาะเนื้อ (เอาก้างและหนังออก) แล้วฉีกให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ

  2. คั่วเครื่องน้ำพริก:
    – คั่วพริกแห้ง กระเทียม และหอมแดงในกระทะ (ไม่ใส่น้ำมัน) ให้หอม แล้วพักไว้
    – หรือจะใช้วิธีอบด้วยเตาอบก็ได้

  3. โขลก:
    – โขลกพริก หอมแดง และกระเทียมให้ละเอียด
    – ใส่เนื้อปลาช่อนย่างลงไป โขลกรวมให้เข้ากัน

  4. ปรุงรส:
    – เติมน้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก และน้ำปลาลงไป
    – คนหรือโขลกให้รสชาติเข้ากันดี

  5. คั่วแห้ง:
    – นำทั้งหมดลงกระทะคั่วด้วยไฟอ่อนจนแห้ง หอม และเก็บได้นาน
    – ชิมรสอีกครั้งก่อนปิดไฟ

เสิร์ฟกับ:

– ข้าวเหนียว
– ผักสด
– ไข่ต้ม
– ปลาทูทอด หรือหมูทอดก็เข้ากัน

 เคล็ดลับ:

  • ย่างปลาช่อนด้วยเตาถ่านจะหอมกว่า

  • คั่วให้แห้งจริงก่อนเก็บ จะเก็บได้นาน 5–7 วันในภาชนะปิด

3.น้ำพริกปลาดุกฟู

น้ำพริกเนื้อฟู กรอบนอกนุ่มใน รสจัดจ้านจากเครื่องน้ำพริกคลุก กินกับข้าวสวยร้อน ๆ หรือแนมผักสดก็เข้ากันสุด ๆ

ส่วนผสม:

  • ปลาดุกย่าง — 1 ตัว (แกะเอาแต่เนื้อ)

  • พริกขี้หนูสวน (สด) — 10-15 เม็ด (ปรับตามความเผ็ด)

  • หอมแดง — 4-5 หัว

  • กระเทียม — 6 กลีบ

  • น้ำมะนาว — 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา — 1-1.5 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ — 1 ช้อนชา

  • น้ำมันพืช — สำหรับทอด

วิธีทำ:

1. เตรียมปลาดุกฟู

  • ย่างปลาดุกให้สุกหอม (หรือนำไปอบหรือทอดให้แห้งเล็กน้อย)

  • แกะเอาเฉพาะเนื้อ แล้วนำไปสับหรือฉีกให้ละเอียด

  • ใช้ส้อมขูดเบา ๆ ให้เนื้อฟูขึ้น

  • ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน แล้วทอดเนื้อปลาดุกให้ฟูเหลืองกรอบ

  • ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน พักไว้

2. เตรียมน้ำพริกคลุก

  • โขลกพริกขี้หนู หอมแดง และกระเทียมให้ละเอียด

  • เติมน้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลปี๊บ คนให้เข้ากัน

  • ชิมรสให้ เปรี้ยว เค็ม หวาน ครบรส

3. ผสมและเสิร์ฟ

  • จัดปลาดุกฟูใส่จาน

  • ราดน้ำพริกคลุกลงไปตอนจะกิน หรือแยกน้ำพริกไว้ต่างหากแล้วคลุกทีหลังเพื่อคงความกรอบ

เสิร์ฟคู่กับ:

– ข้าวสวยร้อน ๆ
– ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี
– ไข่ต้ม หรือไข่เจียว

เคล็ดลับ:

  • ใช้ปลาดุกย่างเตาถ่านจะหอมกว่าทอด

  • ไม่ควรคลุกน้ำพริกก่อนล่วงหน้า เพราะปลาดุกจะนิ่มและไม่กรอบ

4.น้ำพริกปลาดุกฟูกะเพราสมุนไพร

เมนูน้ำพริกแซ่บกรอบ หอมสมุนไพรไทย เพิ่มความเผ็ดหอมจากกะเพรา ตะไคร้ ใบมะกรูด และพริกขี้หนู รสจัดจ้านถึงเครื่อง หอม กรอบ และดีต่อสุขภาพ

ส่วนผสม:

ปลาดุกฟู:

  • ปลาดุกย่าง — 1 ตัว (แกะเอาแต่เนื้อ)

  • น้ำมันพืช — สำหรับทอด

น้ำพริกสมุนไพร:

  • พริกขี้หนูสวน — 10-15 เม็ด (เพิ่มหรือลดตามชอบ)

  • กระเทียม — 6 กลีบ

  • หอมแดง — 4 หัว

  • ตะไคร้ซอยบาง — 2 ต้น

  • ใบมะกรูดซอย — 4-5 ใบ

  • ใบกะเพรา (เด็ดเอาใบ) — 1 ถ้วย

  • น้ำมะนาว — 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา — 1-1.5 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ — 1 ช้อนชา

วิธีทำ:

1. ทำปลาดุกฟู:

  • ย่างปลาดุกให้หอม แกะเอาเฉพาะเนื้อ

  • สับหรือขูดเนื้อปลาดุกให้ละเอียดและฟู

  • ทอดในน้ำมันร้อนจัด จนเหลืองกรอบ แล้วพักให้สะเด็ดน้ำมัน

2. เตรียมสมุนไพร:

  • ตะไคร้ ใบมะกรูด และใบกะเพรา นำไปทอดจนกรอบ (ไฟกลาง อย่าให้ไหม้)

  • พักให้สะเด็ดน้ำมัน เตรียมไว้สำหรับคลุก

3. ทำน้ำพริก:

  • โขลกพริกขี้หนู กระเทียม หอมแดง ให้ละเอียด

  • เติมน้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลปี๊บ คนให้เข้ากัน

  • ชิมรสให้ เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด ครบรส

4. ประกอบจาน:

  • คลุกปลาดุกฟูทอดกับน้ำพริกให้เข้ากันเบา ๆ

  • โรยตะไคร้ทอด ใบมะกรูด และใบกะเพราทอด เพิ่มความหอมและกรอบ

  • เสิร์ฟร้อน ๆ พร้อมข้าวสวย หรือแยกส่วนไว้ให้คลุกตอนกินก็ได้

เสิร์ฟกับ:

– ข้าวเหนียวหรือข้าวสวย
– ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว
– ไข่ต้ม หรือไข่ดาวก็อร่อย

เคล็ดลับ:

  • ใบกะเพราต้องทอดเร็ว ๆ ไฟแรงเพื่อให้ยังเขียวและกรอบ

  • ถ้าอยากเก็บไว้กินนาน แยกส่วน “ปลาดุกฟู” กับ “น้ำพริกสมุนไพร” แล้วคลุกเฉพาะตอนจะกิน

5. น้ำพริกปลาย่าง

น้ำพริกรสจัดที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์จากเนื้อปลาย่าง เสริมความกลมกล่อมด้วยเครื่องแกงพื้นบ้าน กินกับผักสดหรือข้าวเหนียวก็เข้ากันสุด ๆ

ส่วนผสม:

  • ปลาย่าง (ปลาช่อน/ปลานิล/ปลาทู) — 1 ตัว (แกะเอาแต่เนื้อ)

  • พริกขี้หนูแห้งหรือสด — 10-15 เม็ด (ตามชอบ)

  • กระเทียม — 5 กลีบ

  • หอมแดง — 4 หัว

  • น้ำปลา — 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว — 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ — 1 ช้อนชา

  • น้ำมะขามเปียก — 1 ช้อนโต๊ะ (ถ้าชอบเปรี้ยวแบบกลมกล่อม)

  • น้ำมันพืช — เล็กน้อย (สำหรับผัด)

วิธีทำ:

1. เตรียมปลาย่าง:

  • ย่างปลาช่อนหรือปลาที่เลือกจนหอมและสุกทั่ว

  • แกะเอาเฉพาะเนื้อปลา แล้วสับหรือฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ

2. คั่วเครื่องน้ำพริก:

  • คั่วหรือย่างพริก หอมแดง และกระเทียมจนหอม (จะคั่วในกระทะ หรืออบในเตาก็ได้)

  • พักให้เย็น

3. โขลกน้ำพริก:

  • โขลกพริก หอมแดง และกระเทียมให้ละเอียด

  • เติมเนื้อปลาย่างลงไป แล้วโขลกหรือคลุกให้เข้ากัน

4. ปรุงรส:

  • เติมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก และน้ำตาลปี๊บ

  • คนหรือโขลกเบา ๆ ให้รสเข้ากันดี

  • หากต้องการให้หอมและเก็บได้นานขึ้น ให้นำไปผัดในกระทะไฟอ่อนจนแห้งเล็กน้อย

เสิร์ฟคู่กับ:

– ผักลวกหรือผักสด เช่น ถั่วฝักยาว แตงกวา มะเขือยาว
– ข้าวเหนียวหรือข้าวสวย
– ไข่ต้ม หรือไข่เจียวก็เข้ากันมาก

เคล็ดลับ:

  • ย่างปลาด้วยเตาถ่านจะหอมเป็นพิเศษ

  • ใช้ปลาทูจะได้รสชาติเข้มขึ้น ใช้ปลาช่อนจะได้กลิ่นควันหอม ๆ แบบดั้งเดิม

  • หากชอบรสเผ็ดจัด ให้ใช้พริกขี้หนูสดแทนแห้ง

6.น้ำพริกปลาทูคั่ว

น้ำพริกปลาทูคั่วแห้ง รสเข้มข้น หอมกลิ่นปลาทูและเครื่องสมุนไพรแบบไทย ๆ เหมาะสำหรับกินกับข้าวร้อน ๆ หรือผักสดแนม เพิ่มความอร่อยแบบคลาสสิกที่กินเมื่อไหร่ก็ไม่เบื่อ

ส่วนผสม:

  • ปลาทูทอดหรือย่าง — 2 ตัว (แกะเอาแต่เนื้อ)

  • พริกแห้ง (หรือพริกขี้หนูสด) — 10 เม็ด

  • กระเทียม — 6 กลีบ

  • หอมแดง — 4 หัว

  • น้ำตาลปี๊บ — 1 ช้อนชา

  • น้ำปลา — 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะขามเปียก — 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมันพืช — เล็กน้อย (สำหรับผัด)

วิธีทำ:

1. เตรียมปลาทู:

  • ย่างหรือทอดปลาทูให้สุกหอม

  • แกะเอาเฉพาะเนื้อ นำไปสับหยาบ ๆ หรือฉีกให้พอเป็นชิ้นเล็ก ๆ

2. คั่วเครื่องน้ำพริก:

  • คั่วพริก กระเทียม และหอมแดงในกระทะ (หรือย่างให้หอมก็ได้)

  • พักไว้ให้เย็น แล้วโขลกรวมกันจนละเอียด

3. โขลกน้ำพริก:

  • ใส่เนื้อปลาทูที่สับไว้ลงในครก

  • โขลกเบา ๆ ให้เนื้อเข้ากับเครื่องพริก

4. ปรุงรส:

  • เติมน้ำปลา น้ำมะขามเปียก และน้ำตาลปี๊บ

  • คนให้เข้ากันดี ชิมรสตามชอบ (ควรให้เค็มนำ เปรี้ยวตาม หวานเล็กน้อย)

5. คั่วแห้ง:

  • เทน้ำพริกลงกระทะ ผัดไฟอ่อนจนแห้งหอม

  • ระวังอย่าให้ไหม้ คั่วให้แห้งแต่ยังมีความชุ่มนิด ๆ

เสิร์ฟคู่กับ:

– ผักลวก ผักสด เช่น ถั่วพู แตงกวา มะเขือยาว
– ข้าวเหนียวหรือข้าวกล้อง
– ไข่ต้ม ไข่เจียว หรือหมูแดดเดียว

เคล็ดลับ:

  • เลือกปลาทูมัน จะให้รสหอมและกลมกล่อมกว่าปลาทูแห้ง

  • หากต้องการเก็บไว้กินนาน ควรคั่วให้แห้งสนิท และเก็บในภาชนะปิดสนิท

7.น้ำพริกปลาย่าง

น้ำพริกปลาย่างตำสด รสจัด เผ็ด เค็ม เปรี้ยวหอมกลิ่นย่างและสมุนไพรไทย กินแนมกับผักสด ผักต้ม หรือข้าวเหนียวก็ดีงาม เหมาะสำหรับคนที่ชอบน้ำพริกแบบสด ไม่ผ่านการผัดหรือคั่ว

ส่วนผสม:

  • ปลาย่าง (ปลาช่อน, ปลาทู หรือปลานิล) — 1 ตัว (แกะเอาแต่เนื้อ)

  • พริกขี้หนูสวน — 10-15 เม็ด (เพิ่มลดตามความชอบ)

  • หอมแดง — 4 หัว

  • กระเทียม — 5 กลีบ

  • ตะไคร้ซอย — 1 ต้น

  • ใบมะกรูดหั่นฝอย — 2-3 ใบ

  • น้ำมะนาว — 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา — 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ — 1 ช้อนชา

วิธีทำ:

1. เตรียมปลาย่าง:

  • ย่างปลาช่อนหรือปลาที่เลือกจนหอมสุกทั่ว

  • แกะเอาเฉพาะเนื้อ ไม่เอาก้างและหนัง

  • สับหรือฉีกเนื้อปลาให้หยาบเล็กน้อย

2. โขลกเครื่องน้ำพริก:

  • โขลกพริกขี้หนู กระเทียม และหอมแดงให้พอแหลก

  • เติมตะไคร้ซอยและใบมะกรูดหั่นฝอย โขลกเบา ๆ ให้กลิ่นหอมออกมา

  • ใส่เนื้อปลาย่างลงไป โขลกเบา ๆ ให้เข้ากัน

3. ปรุงรส:

  • เติมน้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ

  • คนให้เข้ากันดี ชิมรสให้ออก เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ดครบ

เสิร์ฟคู่กับ:

– ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว
– ผักต้ม เช่น มะเขือ ฟักทอง ถั่วพู
– ข้าวเหนียวหรือข้าวกล้อง
– ไข่ต้ม หรือหมูย่างก็เข้ากันดี

เคล็ดลับ:

  • ใช้ปลาย่างเตาถ่านจะหอมและได้กลิ่นควันธรรมชาติ

  • โขลกไม่ต้องละเอียดมาก เพื่อคงรสสัมผัสของเนื้อปลา

  • กินตอนทำเสร็จใหม่ ๆ จะหอมสดชื่นที่สุด

8.น้ำพริกปลาร้า

น้ำพริกปลาร้ารสจัดจ้าน กลิ่นหอมเฉพาะตัวสไตล์อีสานแท้ ๆ กินกับข้าวเหนียว ผักลวก หรือไข่ต้มก็อร่อย

ส่วนผสม:

  • ปลาร้าต้มสุก (กรองเอาแต่น้ำ) — 3 ช้อนโต๊ะ

  • พริกขี้หนูสวน — 10-15 เม็ด

  • กระเทียม — 5 กลีบ

  • หอมแดง — 3 หัว

  • น้ำมะนาว — 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ — 1 ช้อนชา

  • ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด (หั่นบาง) — อย่างละเล็กน้อย (เพิ่มความหอม)

  • ปลาย่างหรือปลาทูทอด (ฉีกเป็นชิ้นเล็ก) — 1 ตัว (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำ:

1. ต้มปลาร้าให้หอม:

  • นำปลาร้าไปต้มกับน้ำสะอาดเล็กน้อย พร้อมข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เพื่อดับกลิ่นคาว

  • กรองเอาแต่น้ำปลาร้า พักไว้ให้เย็น

2. โขลกน้ำพริก:

  • โขลกพริกขี้หนู หอมแดง และกระเทียมให้แหลก

  • ใส่เนื้อปลาทูทอด (ถ้าใช้) โขลกรวมให้พอเข้ากัน

3. ปรุงรส:

  • ใส่น้ำปลาร้าต้มสุกลงไปในครก

  • เติมน้ำมะนาวและน้ำตาลปี๊บ คนให้เข้ากัน

  • ชิมรสให้เปรี้ยวนำ เค็มตาม และหวานปลายเล็กน้อย

เสิร์ฟคู่กับ:

– ข้าวเหนียวร้อน ๆ
– ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว ผักกาดหอม
– ผักต้ม เช่น ฟักทอง มะเขือ บวบ
– ไข่ต้ม หมูยอ หรือแหนมก็เข้ากันดีมาก

เคล็ดลับ:

  • ปลาร้าต้องต้มให้หอมและสุกสนิทก่อนนำมาใช้

  • หากไม่ชอบกลิ่นปลาร้าแรง ให้ลดปริมาณหรือต้มกับใบมะกรูดเยอะขึ้น

  • เพิ่มพริกคั่วหรืองาขาวคั่วเล็กน้อยก็จะหอมมากขึ้น

9.น้ำพริกปลาร้าผัด

น้ำพริกปลาร้าผัดแบบแห้ง รสชาติจัดจ้าน กลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องผัดและปลาร้าต้ม เหมาะกับข้าวเหนียวร้อน ๆ หรือจะเก็บไว้กินหลายวันก็ยังอร่อย

ส่วนผสม:

  • ปลาร้าต้มสุก (กรองเอาแต่น้ำ) — 3-4 ช้อนโต๊ะ

  • พริกขี้หนูสวน — 10-15 เม็ด (หรือมากกว่าถ้าชอบเผ็ด)

  • กระเทียม — 6 กลีบ

  • หอมแดง — 4 หัว

  • น้ำตาลปี๊บ — 1 ช้อนชา

  • น้ำมะขามเปียก — 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา — 1 ช้อนชา (ชิมก่อนใส่ เพราะปลาร้าเค็มอยู่แล้ว)

  • น้ำมันพืช — 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด (หั่นฝอย) — อย่างละเล็กน้อย (เพิ่มกลิ่นหอม)

  • ปลาทูทอดหรือปลาช่อนย่าง (ฉีกเนื้อหยาบ) — 1 ตัว (ไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำ:

1. ต้มปลาร้า:

  • ต้มน้ำปลาร้ากับข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เพื่อให้กลิ่นหอมและลดความคาว

  • กรองเอาแต่น้ำ พักไว้

2. โขลกเครื่อง:

  • โขลกพริกขี้หนู หอมแดง และกระเทียมให้ละเอียด

  • ถ้าใส่เนื้อปลา (ปลาทู/ปลาช่อน) ให้โขลกรวมพอหยาบ ๆ

3. ผัดน้ำพริก:

  • ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช

  • ใส่เครื่องที่โขลกลงไปผัดจนหอม

  • เติมน้ำปลาร้าที่ต้มไว้ลงไป คนให้เข้ากัน

  • ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา (ถ้าจำเป็น) และน้ำมะขามเปียก

  • ผัดต่อจนส่วนผสมแห้งขลุกขลิกและหอม

เสิร์ฟคู่กับ:

– ข้าวเหนียวหรือข้าวสวยร้อน ๆ
– ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี
– ไข่เจียว, หมูทอด, ปลาทอด ก็เข้ากันดีมาก

เคล็ดลับ:

  • ใช้ปลาร้าหอมและต้มดี จะทำให้กลิ่นรสกลมกล่อมไม่แรงจนเกินไป

  • หากต้องการเก็บไว้ได้นาน ให้ผัดจนแห้งสนิทแล้วใส่กล่องแช่เย็น เก็บได้ 5–7 วัน

  • เพิ่มใบมะกรูดหั่นฝอยหรือพริกแห้งคั่วเพื่อเพิ่มความหอมก็ได้

10.น้ำพริกปลาส้มทอดสมุนไพร

น้ำพริกรสจัดจ้านที่ได้ความเปรี้ยวจากปลาส้ม และความหอมจากสมุนไพรไทย ผสมผสานรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ได้อย่างลงตัว กินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ หรือผักลวก

ส่วนผสม:

  • ปลาส้มทอด (ปลาส้มตัวเล็ก หรือปลาส้มชิ้นใหญ่แกะเอาแต่เนื้อ) — 1 ถ้วย

  • พริกขี้หนูสวน — 10-15 เม็ด

  • หอมแดง — 4 หัว

  • กระเทียม — 5 กลีบ

  • ข่าอ่อนซอย — 1 ช้อนโต๊ะ

  • ตะไคร้ซอย — 2 ต้น

  • ใบมะกรูดซอย — 4 ใบ

  • น้ำมะนาว — 1 ช้อนโต๊ะ (ถ้าต้องการเพิ่มเปรี้ยว)

  • น้ำตาลปี๊บ — 1 ช้อนชา

  • น้ำปลา — 1 ช้อนชา (ใส่เล็กน้อย เพราะปลาส้มมีรสเค็มอยู่แล้ว)

  • น้ำมันพืช — สำหรับทอดและผัด

วิธีทำ:

1. ทอดปลาส้ม:

  • ทอดปลาส้มให้เหลืองกรอบ พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน

  • แกะเอาแต่เนื้อ แล้วสับหยาบ ๆ หรือฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ

2. เตรียมสมุนไพร:

  • ทอดตะไคร้ ข่า และใบมะกรูดให้กรอบ พักไว้

  • (ระวังอย่าให้ไหม้ ใช้ไฟกลาง)

3. โขลกเครื่อง:

  • โขลกพริกขี้หนู หอมแดง และกระเทียมให้ละเอียด

  • ใส่เนื้อปลาส้มที่ทอดแล้ว โขลกเบา ๆ ให้เข้ากัน

4. ปรุงรส:

  • เติมน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะนาว

  • คนให้เข้ากัน ชิมรสให้ได้รสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด กลมกล่อม

5. ผัดรวม:

  • ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย

  • ผัดน้ำพริกทั้งหมดพอแห้ง แล้วโรยสมุนไพรทอดลงไปคลุกให้หอม

  • ผัดต่ออีกเล็กน้อยแล้วปิดไฟ

เสิร์ฟคู่กับ:

– ข้าวเหนียวหรือข้าวสวย
– ผักลวก เช่น มะเขือ ถั่วพู ฟักทอง
– ไข่เจียวหรือไข่ต้มเพิ่มความอร่อย

เคล็ดลับ:

  • ปลาส้มต้องทอดให้กรอบนอกนุ่มใน จะช่วยให้กลิ่นหอมชัด

  • ถ้าต้องการเก็บไว้ได้นาน ผัดให้น้ำพริกแห้งสนิทก่อนเก็บ

  • ใบมะกรูด ข่า และตะไคร้ควรซอยบางและทอดเร็ว จะกรอบและไม่ขม

11.น้ำพริกปลาสลิด

น้ำพริกรสเข้มจากปลาสลิดทอดกรอบ เค็ม มัน หอม ผสมกับเครื่องน้ำพริกแบบไทย กินกับข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียวก็ฟินสุด ๆ เป็นเมนูที่ทั้งอร่อยและเก็บง่าย

ส่วนผสม:

  • ปลาสลิดทอดกรอบ — 1 ตัวใหญ่ (หรือ 2 ตัวเล็ก)

  • พริกขี้หนูสวน (สดหรือแห้ง) — 10-15 เม็ด

  • หอมแดง — 4 หัว

  • กระเทียม — 5 กลีบ

  • น้ำปลา — 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ — 1 ช้อนชา

  • น้ำมะนาว — 1-2 ช้อนโต๊ะ (ชิมก่อนปรับรส)

  • ใบมะกรูดซอย — 2-3 ใบ (เพิ่มกลิ่นหอม)

  • น้ำมันพืช — สำหรับผัด (ถ้าผัด)

วิธีทำ:

1. ทอดปลาสลิด:

  • ทอดปลาสลิดจนกรอบเหลือง พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน

  • แกะเอาเฉพาะเนื้อ สับหรือฉีกหยาบ ๆ เตรียมไว้

2. คั่ว/ย่างเครื่องน้ำพริก:

  • คั่วพริก หอมแดง และกระเทียมในกระทะจนหอม (หรือย่างบนเตาถ่านก็ได้)

  • พักให้เย็น แล้วโขลกรวมกันให้ละเอียด

3. ผสมน้ำพริก:

  • ใส่เนื้อปลาสลิดที่ทอดและฉีกไว้ลงในครก

  • โขลกเบา ๆ ให้เข้ากันกับเครื่อง

  • เติมน้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลปี๊บ ชิมรสให้กลมกล่อม

  • ใส่ใบมะกรูดซอยเพิ่มกลิ่นหอม (จะผัดหรือไม่ผัดก็ได้ตามชอบ)

4. (เลือก) หากต้องการผัดน้ำพริกให้หอมและเก็บได้นาน:

  • ผัดส่วนผสมทั้งหมดในกระทะด้วยไฟอ่อนให้ขลุกขลิกและหอม

เสิร์ฟคู่กับ:

– ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว
– ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว
– ไข่ต้ม, หมูทอด หรือปลาเค็มทอด

เคล็ดลับ:

  • ใช้ปลาสลิดแดดเดียวจะได้รสเค็มมันแบบพอดี

  • หากต้องการทำขาย ควรผัดให้แห้งดี และบรรจุในขวดโหลหรือถุงซีลสุญญากาศ

  • เพิ่มสมุนไพรทอดกรอบ เช่น ตะไคร้ ใบมะกรูด ก็ช่วยเพิ่มมูลค่าและความหอม

12.น้ำพริกปลาอินทรี

น้ำพริกปลาอินทรี รสเค็มมันกลมกล่อม หอมเนื้อปลาอินทรีทอดผสมกับเครื่องน้ำพริกตำแบบไทย ๆ เป็นเมนูที่เรียบง่ายแต่รสชาติเข้มข้น เหมาะกินกับข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวต้มก็อร่อยไม่แพ้กัน

ส่วนผสม:

  • ปลาอินทรีเค็มทอด — 1 ชิ้น (ประมาณ 80–100 กรัม)

  • พริกขี้หนูสวน — 10-15 เม็ด

  • หอมแดง — 4 หัว

  • กระเทียม — 5 กลีบ

  • น้ำมะนาว — 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ — 1 ช้อนชา

  • น้ำปลา — 0.5 ช้อนชา (ชิมก่อน เพราะปลาอินทรีเค็มอยู่แล้ว)

  • น้ำมันพืช — สำหรับทอด

  • ใบมะกรูดซอย (ไม่ใส่ก็ได้) — เพิ่มกลิ่นหอม

วิธีทำ:

1. ทอดปลาอินทรี:

  • ทอดปลาอินทรีเค็มในน้ำมันไฟกลางจนเหลืองกรอบ หอม

  • พักให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วแกะเอาแต่เนื้อ สับหยาบ ๆ

2. ย่างหรือคั่วเครื่องน้ำพริก:

  • ย่างหรือคั่วพริก หอมแดง กระเทียม ให้หอม (ใช้เตาถ่านจะหอมเป็นพิเศษ)

  • พักให้เย็น แล้วโขลกรวมกันให้ละเอียด

3. ตำรวม:

  • ใส่เนื้อปลาอินทรีทอดลงไปในครก

  • โขลกเบา ๆ ให้เข้ากับเครื่องพริก

4. ปรุงรส:

  • เติมน้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ และน้ำปลาเล็กน้อย

  • ชิมรสให้เค็มนำ เปรี้ยวตาม หวานนิด ๆ

  • ถ้าชอบความหอมพิเศษ เติมใบมะกรูดซอยลงไปคลุกเล็กน้อย

เสิร์ฟคู่กับ:

– ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวต้ม
– ผักลวก ผักสด เช่น แตงกวา กะหล่ำลวก มะเขือ ถั่วพู
– ไข่ต้ม, หมูสับผัดเค็ม, หรือหมูแดดเดียวก็เข้ากันดี

เคล็ดลับ:

  • ปลาอินทรีเค็มควรล้างน้ำก่อนทอดเล็กน้อยเพื่อลดความเค็มเกิน

  • หากต้องการเก็บได้นาน ให้ผัดน้ำพริกให้แห้งขลุกขลิก แล้วเก็บในกล่องปิดสนิท

  • หากต้องการรสจัด ให้ใช้พริกขี้หนูสดแทนพริกแห้ง หรือเพิ่มปริมาณพริก

น้ำพริกกุ้ง

13.น้ำพริกกุ้งสด

น้ำพริกกุ้งสด รสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวานแบบละมุน พร้อมกลิ่นหอมของกุ้งลวกสดใหม่ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบน้ำพริกเผ็ดจัดมาก แต่ยังอยากได้รสชาติครบเครื่องและความสดใหม่จากวัตถุดิบ

ส่วนผสม:

  • กุ้งสด (ลวกสุก) — 100 กรัม (ประมาณ 6–8 ตัว)

  • พริกขี้หนูสวน — 10 เม็ด (เพิ่มหรือลดตามชอบ)

  • กระเทียม — 4 กลีบ

  • หอมแดง — 2 หัว

  • น้ำมะนาว — 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา — 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ — 1 ช้อนชา

  • น้ำต้มสุก — 1 ช้อนโต๊ะ (ช่วยให้เนื้อเนียนขึ้น)

  • ใบสะระแหน่ — สำหรับตกแต่ง (ไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำ:

1. ลวกกุ้ง:

  • ปอกเปลือกกุ้ง เอาเส้นดำออก ลวกในน้ำเดือดพอสุก แล้วพักให้เย็น

  • หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้

2. โขลกน้ำพริก:

  • โขลกพริกขี้หนู กระเทียม และหอมแดงให้แหลก

  • ใส่กุ้งลวกลงไปโขลกเบา ๆ พอให้เข้ากัน (ไม่ต้องละเอียดมาก)

3. ปรุงรส:

  • เติมน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำต้มสุก

  • คนให้เข้ากันดี ชิมรสให้ เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ดพอดี

  • ถ้าชอบเนื้อละเอียดและเนียน สามารถนำไปปั่นหยาบ ๆ แทนการโขลกได้

เสิร์ฟคู่กับ:

– ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว ผักกาดหอม
– ข้าวสวย หรือข้าวเหนียว
– ไข่ต้ม หรือปลาทูทอดก็เข้ากันดีมาก

เคล็ดลับ:

  • ใช้กุ้งขาวสดจะได้รสหวานธรรมชาติ

  • ไม่ควรลวกกุ้งนานเกินไป จะทำให้เนื้อแข็งและคาว

  • หากต้องการเก็บไว้สัก 1–2 วัน ควรแช่เย็นและปิดฝาให้สนิท

14. น้ำพริกกุ้งเสียบ

น้ำพริกกุ้งเสียบ เป็นอาหารพื้นบ้านของภาคใต้ มีรสชาติเข้มข้น เผ็ด เปรี้ยว เค็ม และหอมกุ้งเสียบกรอบ ๆ นิยมทานคู่กับผักสดหรือผักต้ม ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวยำก็เข้ากันดีมาก

ส่วนผสม

  • กุ้งเสียบแห้ง ½ ถ้วย

  • พริกขี้หนูสวน 15-20 เม็ด (ตามชอบเผ็ด)

  • กระเทียมไทย (ปอกเปลือก) 10 กลีบ

  • หอมแดง 3 หัว

  • น้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนชา (เพิ่มรสนัว)

  • กะปิดี 1 ช้อนชา (ถ้าชอบ)

  • มะม่วงเปรี้ยวซอย หรือสับ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำ

  1. คั่วกุ้งเสียบ: นำกุ้งเสียบไปคั่วในกระทะด้วยไฟอ่อนจนหอมและกรอบ แล้วพักไว้

  2. ย่างเครื่อง: ย่างหอมแดง กระเทียม และพริกขี้หนูบนเตาถ่านหรือคั่วในกระทะให้สุกและหอม (ขั้นตอนนี้ช่วยให้รสน้ำพริกเข้มข้นขึ้น)

  3. ตำเครื่อง: ใส่พริก หอมแดง และกระเทียมลงครก ตำให้ละเอียด

  4. ใส่กะปิ (ถ้าใช้): ตำรวมกับเครื่องจนเนียน

  5. ปรุงรส: เติมน้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลปี๊บ คนให้เข้ากัน ชิมรสให้เปรี้ยว เค็ม และเผ็ดกลมกล่อม

  6. ใส่กุ้งเสียบ: ตำกุ้งเสียบลงไปเบา ๆ หรือจะใส่แค่ครึ่งแล้วอีกครึ่งไว้โรยหน้าก็ได้

  7. ใส่มะม่วงสับ (ถ้าใช้): คลุกเคล้าให้เข้ากัน

 เสิร์ฟคู่กับ:

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วพู มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวยำ

  • ปลาทูทอด หรือไข่ต้มก็เข้ากันดี

15.น้ำพริกกุ้งเสียบแห้ง

น้ำพริกกุ้งเสียบแห้ง เป็นน้ำพริกแบบแห้งตำหยาบ ๆ เน้นเคี้ยวมัน หอมกุ้งเสียบและเครื่องเผ็ดร้อน เหมาะสำหรับทานกับข้าวสวย ผักสด หรือโรยข้าวยำก็อร่อย

ส่วนผสม

  • กุ้งเสียบแห้ง ½ ถ้วย (หรือมากกว่านั้นตามชอบ)

  • พริกขี้หนูแห้ง 15 เม็ด (หรือพริกสดคั่วแห้งก็ได้)

  • กระเทียมไทย (แกะเปลือก) 10 กลีบ

  • หอมแดง 2-3 หัว

  • น้ำมะนาว 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนชา

  • กะปิดี ½ ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำ

  1. คั่วกุ้งเสียบ ด้วยไฟอ่อนให้กรอบและหอม พักไว้

  2. คั่วพริก กระเทียม หอมแดง จนแห้งและหอม

  3. ตำ พริก กระเทียม หอมแดง พอหยาบ

  4. เติม กะปิ (ถ้าใช้) แล้วตำให้เข้ากัน

  5. ปรุงรสด้วย น้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ

  6. ใส่ กุ้งเสียบ แล้วตำเบา ๆ หรือคลุกให้เข้ากัน ไม่ต้องละเอียด

  7. ปรับรสตามชอบ แล้วตักใส่ภาชนะ

เสิร์ฟคู่กับ:

  • ข้าวสวย

  • ผักสด ผักต้ม

  • ข้าวเหนียว

  • ไข่เจียว ไข่ต้ม หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ:

  • คั่วทุกอย่างให้หอมแห้ง จะเก็บได้นานขึ้น

  • ตำแบบหยาบ ๆ จะเคี้ยวสนุก ไม่เละ

  • กุ้งเสียบควรเลือกตัวเล็ก-กลาง จะเคี้ยวง่าย

  • ถ้าอยากเก็บไว้หลายวัน ควรงดใส่น้ำมะนาว และแยกใส่ตอนจะทาน

16.น้ำพริกกุ้งหวาน

น้ำพริกกุ้งหวาน เป็นน้ำพริกตำรับไทยโบราณ มีรสหวานนำ เค็มตาม เนื้อข้นเหนียว หอมกะปิและกุ้ง เป็นที่นิยมในภาคกลาง มักทานคู่กับไข่ต้ม ข้าวเหนียว หรือผักลวก

ส่วนผสม

  • กุ้งแห้งเนื้อดี (แช่น้ำแล้วโขลกหยาบ) ½ ถ้วย

  • หอมแดงซอยบาง ๆ ¼ ถ้วย

  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ (หรือตามชอบ)

  • น้ำเปล่า ¼ ถ้วย

  • กะปิดี 1 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

  • น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ (เล็กน้อยเพื่อตัดเลี่ยน)

วิธีทำ

  1. เตรียมกุ้งแห้ง โดยแช่น้ำให้นุ่ม แล้วโขลกพอหยาบ

  2. ตั้งกระทะ ใส่น้ำเปล่าตั้งไฟกลาง ใส่น้ำตาลปี๊บเคี่ยวให้ละลาย

  3. ใส่ กะปิ และ น้ำปลา คนให้เข้ากัน

  4. ใส่ หอมแดงซอย และ กุ้งแห้งโขลก ลงไปเคี่ยวให้เหนียวข้น

  5. เติม น้ำมะขามเปียกเล็กน้อย เพื่อเพิ่มรสนัว

  6. เคี่ยวจนส่วนผสมเหนียว สีเข้ม และเงา จากนั้นปิดไฟ

  7. พักให้เย็น ตักใส่ภาชนะ พร้อมเสิร์ฟ

เสิร์ฟคู่กับ:

  • ข้าวเหนียว หรือข้าวสวย

  • ไข่ต้ม ไข่เจียว

  • ผักลวก เช่น ฟักทอง ถั่วฝักยาว มะเขือ

  • หรือจะใช้เป็นเครื่องเคียงข้าวแช่ได้ด้วย

เคล็ดลับ:

  • ใช้ กุ้งแห้งตัวเล็กเนื้อแน่น จะให้กลิ่นหอมและเคี้ยวสนุก

  • เคี่ยวไฟกลาง อย่าให้ไหม้ กวนเรื่อย ๆ จนเหนียวขลุกขลิก

  • หอมแดงซอยบาง ๆ ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมหวานธรรมชาติ

  • ถ้าชอบรสเปรี้ยวเล็กน้อย ให้เติมน้ำมะขามเปียก

  • น้ำพริกกุ้งหวานที่ดีต้อง เหนียว ใส มันวาว และหอม

17.น้ำพริกกุ้งแห้ง

น้ำพริกกุ้งแห้ง เป็นน้ำพริกตำแบบไทยโบราณ ใช้กุ้งแห้งตำกับพริก หอม กระเทียม ปรุงรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ดกลมกล่อม รสชาติคล้ายน้ำพริกกะปิแต่ใช้กุ้งแห้งเป็นหลัก

ส่วนผสม

  • กุ้งแห้งอย่างดี (แช่น้ำให้นุ่มแล้วสะเด็ดน้ำ) ½ ถ้วย

  • พริกขี้หนูสวน 10–20 เม็ด (ตามชอบเผ็ด)

  • กระเทียมไทย 7–10 กลีบ

  • หอมแดง 2 หัว

  • น้ำปลา 1–2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 2–3 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนชา

  • มะม่วงเปรี้ยวซอย หรือมะนาวหั่นเต๋าเล็ก (ถ้าชอบ)

วิธีทำ

  1. แช่กุ้งแห้ง ในน้ำประมาณ 10 นาที แล้วสะเด็ดน้ำ

  2. โขลกพริก กระเทียม หอมแดง ให้ละเอียด

  3. ใส่ กุ้งแห้ง ลงไปโขลกพอหยาบให้เข้ากัน

  4. ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ

  5. ชิมรสให้เปรี้ยว เค็ม เผ็ด กลมกล่อม

  6. ใส่ มะม่วงซอยหรือมะนาวหั่นเต๋าเล็ก ๆ (ถ้าชอบ) คนให้เข้ากัน

เสิร์ฟคู่กับ:

  • ข้าวสวยร้อน ๆ

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วพู มะเขือ

  • ไข่ต้ม หรือไข่เจียว

  • ปลาทูทอด หรือหมูแดดเดียว

เคล็ดลับ:

  • ใช้ กุ้งแห้งเนื้อแน่น ไม่เค็มจัด จะได้รสหวานธรรมชาติ

  • ตำแบบหยาบ จะได้รสสัมผัสที่ดี

  • หอมแดงและกระเทียมคั่วหรือย่างเล็กน้อย จะหอมขึ้น

  • ควรแช่กุ้งแห้งให้นุ่มก่อนตำ เพื่อไม่ให้กระเด็นและช่วยให้ตำง่าย

  • ถ้าชอบรสจัดแบบภาคใต้ ใส่ กะปิเล็กน้อย เพิ่มความเค็มมันก็ได้

น้ำพริกสมุนไพร

19.น้ำพริกตะไคร้

น้ำพริกตะไคร้ เป็นน้ำพริกไทยโบราณที่เน้นกลิ่นหอมของตะไคร้ซอยละเอียด ผสมกับพริก หอม กระเทียม ปรุงรสให้จัดจ้าน นิยมทานกับผักสด ข้าวเหนียว หรือไข่ต้ม รสชาติเข้มข้น หอมสดชื่นไม่เหมือนใคร

ส่วนผสม

  • ตะไคร้ซอยบาง ๆ (เฉพาะส่วนขาว) ½ ถ้วย

  • พริกขี้หนูสวน 10–20 เม็ด (ตามชอบ)

  • กระเทียมไทย 8–10 กลีบ

  • หอมแดง 2 หัว

  • น้ำปลา 1–2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนชา

  • กุ้งแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ (หรือตำหยาบ)

  • กะปิดี 1 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำ

  1. คั่วตะไคร้ซอย บนกระทะด้วยไฟอ่อนจนแห้งหอม (หรือใช้สดก็ได้)

  2. ย่างหรือคั่วพริก กระเทียม หอมแดง จนหอม

  3. ตำ พริก กระเทียม หอมแดง ให้ละเอียด

  4. ใส่ กะปิ (ถ้าใช้) ตำให้เข้ากัน

  5. เติม ตะไคร้ซอย และกุ้งแห้งป่น ตำให้เข้ากันพอหยาบ

  6. ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลปี๊บ

  7. ชิมรสให้ เผ็ด เค็ม เปรี้ยว หอมตะไคร้

เสิร์ฟคู่กับ:

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา มะเขือ ถั่วฝักยาว

  • ไข่ต้ม ไข่เจียว

  • ปลาทูทอด หมูสามชั้นทอด

เคล็ดลับ:

  • ใช้ ตะไคร้สดใหม่ ซอยบาง ๆ จะให้กลิ่นหอมสดชื่น

  • คั่วตะไคร้เล็กน้อยก่อนตำ ช่วยลดกลิ่นเขียวและเพิ่มความหอม

  • ถ้าชอบรสจัดแบบภาคใต้ เติมพริกสดอีกเล็กน้อย

  • กุ้งแห้งช่วยเพิ่มรสอูมามิ ทำให้น้ำพริกเข้มข้นขึ้น

20.น้ำพริกมะกรูด

น้ำพริกมะกรูด เป็นน้ำพริกตำรับโบราณ ใช้ใบมะกรูดและผิวมะกรูดเป็นวัตถุดิบหลัก กลิ่นหอมเฉพาะตัว รสเผ็ดเปรี้ยว เค็มเล็กน้อย เป็นน้ำพริกเพื่อสุขภาพที่ช่วยเจริญอาหาร

ส่วนผสม

  • ใบมะกรูดซอยละเอียด 8–10 ใบ

  • ผิวมะกรูดขูด ½ ช้อนชา (ไม่เอาส่วนขาว)

  • พริกขี้หนูสวน 10–15 เม็ด

  • กระเทียมไทย 8 กลีบ

  • หอมแดง 2 หัว

  • กะปิดี 1 ช้อนชา (คั่วหรือย่างให้หอมก่อน)

  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 1–2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนชา

  • กุ้งแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำ

  1. คั่วหรือย่าง พริก กระเทียม หอมแดง และกะปิ ให้หอม พักไว้

  2. ตำ พริก กระเทียม หอมแดง ให้ละเอียด

  3. ใส่ กะปิ และกุ้งแห้งป่น ตำให้เข้ากัน

  4. ใส่ ผิวมะกรูด และใบมะกรูดซอย ตำพอเข้ากัน (อย่าตำละเอียดเกิน จะขม)

  5. ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลปี๊บ

  6. ชิมรสให้ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด และหอมสดชื่น

เสิร์ฟคู่กับ:

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ไข่ต้ม ไข่เจียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือ

  • ปลาทูทอด หรือหมูแดดเดียว

เคล็ดลับ:

  • ใช้เฉพาะ ผิวมะกรูดเขียว ๆ อย่าให้ติดเนื้อขาว จะขม

  • ใบมะกรูดซอยบางมาก ๆ แล้วคั่วหรือย่างก่อนเล็กน้อย จะช่วยลดกลิ่นเหม็นเขียว

  • หากไม่ชอบกะปิ ใช้ เกลือเล็กน้อย ปรุงรสแทนได้

  • ไม่ควรตำใบมะกรูดนาน เพราะจะทำให้ขม

  • น้ำพริกนี้เหมาะสำหรับคนชอบกลิ่นสมุนไพรไทย

20.น้ำพริกมะขามเปียก

น้ำพริกมะขามเปียก เป็นน้ำพริกตำรับไทยดั้งเดิม ใช้มะขามเปียกเป็นตัวหลักให้รสเปรี้ยวนำ มีความเผ็ด เค็ม กลมกล่อม เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสเปรี้ยวแบบสดชื่น ไม่เลี่ยน

ส่วนผสม

  • มะขามเปียกคั้นน้ำข้น ๆ 3 ช้อนโต๊ะ

  • พริกขี้หนูสวน 10–20 เม็ด (ตามชอบเผ็ด)

  • กระเทียมไทย 10 กลีบ

  • หอมแดง 2–3 หัว

  • กะปิดี 1 ช้อนชา (ย่างหรือคั่วให้หอม)

  • น้ำปลา 1–2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนชา

  • กุ้งแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ (หรือกุ้งสดสับลวกก็ได้)

วิธีทำ

  1. ย่างหรือคั่ว พริก กระเทียม หอมแดง และกะปิให้หอม พักไว้

  2. ตำ พริก กระเทียม หอมแดง ให้ละเอียด

  3. เติม กะปิ และ กุ้งแห้งป่น ตำให้เข้ากัน

  4. ใส่ น้ำมะขามเปียก คั้นข้น ๆ ลงไป คนให้เข้ากัน

  5. ปรุงรสด้วย น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ

  6. ชิมรสให้ เปรี้ยว เค็ม เผ็ดกลมกล่อม

  7. หากชอบแบบขลุกขลิก ให้อุ่นบนกระทะเล็กน้อยจนเหนียวขึ้น (ไม่จำเป็นก็ได้)

เสิร์ฟคู่กับ:

  • ข้าวสวยร้อน ๆ

  • ผักต้ม เช่น ฟักทอง ถั่วฝักยาว มะเขือ ผักบุ้งลวก

  • ไข่ต้ม หรือไข่เจียว

  • ปลาทูทอด หรือหมูสามชั้นทอด

เคล็ดลับ:

  • ใช้ มะขามเปียกใหม่ คั้นข้น ๆ จะให้รสเปรี้ยวหอมธรรมชาติ

  • ย่างเครื่องก่อนตำ ช่วยให้กลิ่นหอมและรสลึก

  • ถ้าชอบรสเข้มข้น ให้เคี่ยวบนกระทะเล็กน้อยหลังปรุง

  • ใช้ กุ้งสดลวกสับ แทนกุ้งแห้งได้ หากอยากได้รสหวานนุ่ม

  • ถ้าทำไว้หลายวัน ควรเคี่ยวให้แห้งขึ้นและแช่เย็นในกล่องปิดสนิท

21.น้ำพริกมะขามผัดกากหมู

น้ำพริกมะขามผัดกากหมู เป็นน้ำพริกผัดที่รวมความเปรี้ยวจากมะขาม ความกรอบมันจากกากหมู และกลิ่นหอมของพริกกระเทียมผัด เป็นที่นิยมในอาหารไทยภาคกลาง รสชาติกลมกล่อม เค็ม เปรี้ยว เผ็ดนิด หวานปลาย

ส่วนผสม

  • กากหมูกรอบ ½ ถ้วย

  • มะขามเปียกคั้นข้น ๆ 3 ช้อนโต๊ะ

  • พริกแห้งเม็ดใหญ่ 5 เม็ด (หรือพริกขี้หนูแห้ง 10 เม็ด)

  • กระเทียมไทย 10 กลีบ

  • หอมแดง 2 หัว

  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ

  • กะปิดี 1 ช้อนชา (คั่วให้หอม)

  • น้ำมันสำหรับผัด 1–2 ช้อนโต๊ะ

 วิธีทำ

  1. ทอดกากหมู ให้กรอบ พักไว้ (หากมีกากหมูสำเร็จรูป ข้ามขั้นตอนนี้ได้)

  2. คั่วหรือย่าง พริกแห้ง กระเทียม หอมแดง ให้หอม

  3. โขลก พริก กระเทียม หอมแดง และกะปิ ให้ละเอียด

  4. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันเล็กน้อย ผัดเครื่องที่โขลกไว้จนหอม

  5. เติม น้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ผัดให้เข้ากันจนเหนียวขลุกขลิก

  6. ใส่ กากหมู ผัดคลุกให้เข้ากัน ปิดไฟ

  7. ชิมรสให้ เปรี้ยว เค็ม หวานเล็กน้อย และหอมมัน

เสิร์ฟคู่กับ:

  • ข้าวสวยร้อน ๆ

  • ไข่เจียว หรือไข่ต้ม

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วพู มะเขือ ถั่วฝักยาว

  • หรือแนมกับข้าวเหนียวก็อร่อย

เคล็ดลับ:

  • ใช้ มะขามเปียกข้น ๆ จะให้รสเปรี้ยวเข้มข้นแบบธรรมชาติ

  • กากหมู ควรกรอบแห้ง ไม่อมน้ำมัน จะเก็บได้นาน

  • ผัดไฟอ่อน ค่อย ๆ เคี่ยวให้เข้ากัน ไม่ให้ไหม้

  • ถ้าต้องการเก็บไว้ได้นาน ให้ผัดจนน้ำระเหยแห้งดี แล้วเก็บในกล่องแห้งสนิทแช่เย็น

  • ใช้ พริกแห้งเม็ดใหญ่ จะหอมไม่เผ็ดจัด ถ้าชอบเผ็ดให้เพิ่มพริกขี้หนูแห้งแทน

22.น้ำพริกสมุนไพรไข่เค็ม

น้ำพริกสมุนไพรไข่เค็ม เป็นน้ำพริกที่ใช้สมุนไพรสดหลายชนิดมาบดผสมกับไข่เค็ม เพิ่มรสเค็มมันและกลิ่นหอมเฉพาะตัว นิยมทานคู่กับผักสด ผักลวก หรือข้าวสวย

ส่วนผสม

  • ไข่เค็ม 1 ฟอง (แกะเอาแต่เนื้อ)

  • ใบสะระแหน่ ¼ ถ้วย

  • ใบมะกรูดซอยละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ

  • ตะไคร้ซอยละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ

  • ใบโหระพา ¼ ถ้วย

  • พริกขี้หนูสวน 10–15 เม็ด (ตามชอบเผ็ด)

  • กระเทียม 5–7 กลีบ

  • หอมแดง 2 หัว

  • น้ำปลา 1–2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนชา

วิธีทำ

  1. ย่างหรือคั่ว พริกขี้หนู กระเทียม หอมแดง ให้หอม

  2. โขลกพริก กระเทียม หอมแดงให้ละเอียด

  3. ใส่ ไข่เค็ม โขลกให้เข้ากันจนเนื้อเนียน

  4. เติม สมุนไพรสดทั้งหมด ใบสะระแหน่ ใบมะกรูด ตะไคร้ ใบโหระพา โขลกพอเข้ากัน

  5. ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลปี๊บ

  6. ชิมรสให้กลมกล่อม เค็ม เปรี้ยว เผ็ดเล็กน้อย หอมสมุนไพร

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวสวยร้อน ๆ

  • ผักสดหรือผักลวก เช่น แตงกวา มะเขือ ถั่วฝักยาว ฟักทอง

  • ไข่ต้ม หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ

  • ใช้ไข่เค็มคุณภาพดี ไม่เค็มเกินไป จะทำให้น้ำพริกไม่เค็มจัด

  • โขลกสมุนไพรสดเบา ๆ อย่าบดละเอียดจนเละเกินไป เพื่อคงความหอมและเนื้อสัมผัส

  • สามารถเพิ่มพริกสดหรือพริกแห้งตามความชอบเผ็ด

  • น้ำมะนาวช่วยเพิ่มความสดชื่นและตัดความเลี่ยนจากไข่เค็มได้ดี

น้ำพริกทรงเครื่อง

23.น้ำพริกต้มยำแห้ง

น้ำพริกต้มยำแห้ง เป็นน้ำพริกแห้งที่ผสมผสานรสเปรี้ยว เผ็ด เค็ม หอมเครื่องต้มยำ เช่น ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า และน้ำมะนาว รสจัดจ้าน หอมฉุน พร้อมเสิร์ฟเป็นน้ำพริกทานง่าย

ส่วนผสม

  • กุ้งแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ

  • พริกขี้หนูสวน 15–20 เม็ด

  • กระเทียม 10 กลีบ

  • หอมแดง 3 หัว

  • ตะไคร้ซอยละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ

  • ใบมะกรูดซอย 2 ช้อนโต๊ะ

  • ข่าซอยบาง 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา 1–2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา

  • น้ำมันพืช 1–2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. คั่ว กุ้งแห้ง ให้หอม พักไว้

  2. คั่วหรือย่าง พริกขี้หนู กระเทียม หอมแดง ให้หอม

  3. โขลกพริก กระเทียม หอมแดงให้ละเอียด

  4. ใส่ ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า โขลกพอเข้ากัน (อย่าตำละเอียดเกิน)

  5. เติม กุ้งแห้งป่น โขลกเบา ๆ ให้เข้ากัน

  6. ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ ชิมรสให้เปรี้ยว เค็ม เผ็ดกลมกล่อม

  7. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันเล็กน้อย ผัดน้ำพริกที่ตำไว้จนหอมและแห้งขึ้นเล็กน้อย (ประมาณ 2-3 นาที)

  8. ปิดไฟ พักให้เย็นก่อนเสิร์ฟ

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือ

  • ไข่ต้ม ไข่เจียว

  • ปลาทูทอด หมูแดดเดียว

เคล็ดลับ

  • ตำเครื่องสมุนไพรหยาบ ๆ เพื่อคงความกรอบและกลิ่นหอม

  • ผัดน้ำพริกบนไฟอ่อน คอยคนตลอดไม่ให้ไหม้

  • ใช้น้ำมะนาวสด ๆ เพิ่มความเปรี้ยวสดชื่น

  • หากชอบเผ็ดจัด ให้เพิ่มพริกสดหรือพริกแห้งตามชอบ

  • น้ำมันพืชช่วยให้กลิ่นน้ำพริกหอมขึ้นและเคลือบเนื้อน้ำพริกให้เก็บได้นาน

24.น้ำพริกลงเรือ

น้ำพริกลงเรือ เป็นน้ำพริกที่มีรสชาติจัดจ้าน เผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวจากสมุนไพร เช่น ใบแมงลัก ใบกะเพรา และกะปิ เหมาะทานกับผักสด ข้าวสวย และอาหารทอดต่าง ๆ

ส่วนผสม

  • กุ้งแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ

  • พริกขี้หนูสวน 15–20 เม็ด

  • กระเทียม 10 กลีบ

  • หอมแดง 3 หัว

  • กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ (คั่วหรือย่างให้หอม)

  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 2–3 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา

  • ใบแมงลัก 1 กำมือ

  • ใบกะเพราสด ½ ถ้วย

  • มะกรูดซอย 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับเพิ่มความหอม)

วิธีทำ

  1. คั่วหรือย่าง พริกขี้หนู กระเทียม หอมแดง และกะปิ ให้หอม พักไว้

  2. โขลก พริก ข่า กระเทียม หอมแดง กะปิ ให้ละเอียด

  3. เติม กุ้งแห้งป่น โขลกให้เข้ากัน

  4. ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ ชิมรสให้เปรี้ยว เค็ม เผ็ดกลมกล่อม

  5. โขลก ใบแมงลัก ใบกะเพรา และมะกรูดซอย พอเข้ากันแล้วใส่ลงในน้ำพริก คนให้ทั่ว

  6. ชิมรสอีกครั้ง ปรับได้ตามชอบ

เสิร์ฟคู่กับ

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือยาว ผักกาดขาว

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ไข่ต้ม หมูแดดเดียว หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ

  • ใช้กะปิที่คั่วหรือย่างจนหอม เพื่อเพิ่มกลิ่นและลดกลิ่นคาว

  • ใบแมงลักและใบกะเพราสด ๆ ช่วยเพิ่มความหอมและรสชาติที่แตกต่าง

  • ควรตำส่วนผสมอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาความหอมของสมุนไพรสด

  • น้ำมะนาวสดช่วยเพิ่มความเปรี้ยวสดชื่นและช่วยให้รสชาติลงตัว

  • หากชอบรสจัด ให้เพิ่มพริกสดหรือน้ำมะขามเปียกเล็กน้อย

25.น้ำพริกเศรษฐี

น้ำพริกเศรษฐี เป็นน้ำพริกที่มีวัตถุดิบหลากหลาย ผสมผสานทั้งกุ้งแห้ง หมูหยอง ไข่เค็ม และสมุนไพร ให้รสชาติกลมกล่อม เผ็ด เค็ม หวาน มีกลิ่นหอมเครื่องเทศ เหมาะกับการกินกับข้าวสวยและผักสด

ส่วนผสม

  • กุ้งแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ

  • หมูหยอง 3 ช้อนโต๊ะ

  • ไข่เค็ม 1 ฟอง (แกะเอาแต่เนื้อ)

  • พริกขี้หนูสวน 10–15 เม็ด

  • กระเทียม 7–10 กลีบ

  • หอมแดง 3 หัว

  • กะปิ 1 ช้อนชา (คั่วให้หอม)

  • น้ำปลา 1–2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 1–2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนชา

  • ผักชีหรือใบกะเพราซอย 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. คั่วหรือย่าง พริกขี้หนู กระเทียม หอมแดง และกะปิ ให้หอม

  2. โขลกพริก กระเทียม หอมแดง และกะปิให้ละเอียด

  3. ใส่ กุ้งแห้งป่น หมูหยอง และเนื้อไข่เค็ม โขลกให้เข้ากัน

  4. ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลปี๊บ

  5. โขลกจนส่วนผสมเข้ากันดี ชิมรสให้กลมกล่อม

  6. ใส่ ผักชีหรือใบกะเพราซอย คลุกเบา ๆ เพื่อเพิ่มความหอม

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือม่วง

  • ไข่ต้ม หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ

  • หมูหยองควรใช้แบบกรอบนุ่ม ไม่แฉะ เพื่อความเข้ากันของเนื้อสัมผัส

  • ไข่เค็มไม่ควรเค็มเกินไป เพื่อไม่ให้รสชาติน้ำพริกโดดจนเกินไป

  • โขลกส่วนผสมเบา ๆ เพื่อรักษาเนื้อสัมผัสหมูหยองและไข่เค็ม

  • ปรับรสด้วยน้ำมะนาวและน้ำตาลปี๊บตามชอบ

  • สามารถเติมกากหมูกรอบเพื่อเพิ่มความกรุบกรอบได้

26.น้ำพริกสามกรอบ

น้ำพริกสามกรอบ คือ น้ำพริกที่ผสมผสานความกรอบจากกุ้งแห้งทอด กากหมู และถั่วลิสงคั่ว รวมถึงเครื่องปรุงอื่น ๆ ให้รสชาติเผ็ด เค็ม หวาน กลมกล่อม และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว

ส่วนผสม

  • กุ้งแห้งทอดกรอบ 3 ช้อนโต๊ะ

  • กากหมูกรอบ 3 ช้อนโต๊ะ

  • ถั่วลิสงคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ

  • พริกขี้หนูแห้ง 10–15 เม็ด

  • กระเทียม 10 กลีบ

  • หอมแดง 3 หัว

  • กะปิ 1 ช้อนชา (คั่วหอม)

  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา

  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. คั่วหรือย่าง พริกแห้ง กระเทียม หอมแดง และกะปิ ให้หอม

  2. โขลกเครื่องเทศจนละเอียดแต่ไม่เนียนมาก

  3. โขลก กุ้งแห้งทอดกรอบ กากหมู และถั่วลิสง ให้แตกตัวเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอเข้ากัน

  4. เติม น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ ปรุงรสให้กลมกล่อม

  5. คลุกเคล้าให้เข้ากันดี ชิมรสตามชอบ

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือ

  • ไข่ต้ม ไข่เจียว หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ

  • เลือกใช้กุ้งแห้งทอดที่กรอบไม่เหนียว

  • กากหมูควรทอดจนกรอบ และสะเด็ดน้ำมันก่อนใส่ลงในน้ำพริก

  • ถั่วลิสงคั่วเองจะหอมกว่าซื้อสำเร็จรูป

  • โขลกส่วนผสมไม่ละเอียดเกินไป เพื่อรักษาความกรอบ

  • ปรับรสเปรี้ยว เค็ม หวาน ตามชอบ

น้ำพริกคั่วแห้ง

27.น้ำพริกไข่เค็มแห้ง

น้ำพริกไข่เค็มแห้ง เป็นน้ำพริกแห้งที่มีไข่เค็มเป็นวัตถุดิบหลัก ทำให้ได้รสเค็มมันแบบเฉพาะตัว ผสมผสานกับเครื่องเทศเผ็ดร้อนและสมุนไพรต่าง ๆ เหมาะสำหรับคนชอบรสเข้มข้น

ส่วนผสม

  • ไข่เค็ม 2 ฟอง (แกะเอาแต่เนื้อ)

  • พริกขี้หนูแห้ง 10–15 เม็ด

  • กระเทียม 10 กลีบ

  • หอมแดง 3 หัว

  • กุ้งแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ

  • กะปิ 1 ช้อนชา (คั่วหอม)

  • น้ำปลา 1–2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา

  • น้ำมันพืช 1–2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. คั่วหรือย่าง พริกแห้ง กระเทียม หอมแดง และกะปิ ให้หอม

  2. โขลกพริก กระเทียม หอมแดง กะปิ ให้ละเอียด

  3. ใส่เนื้อไข่เค็มและกุ้งแห้งป่น โขลกผสมจนเข้ากันดี

  4. ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ชิมรสให้กลมกล่อม

  5. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย ผัดน้ำพริกจนแห้งและหอม (ประมาณ 3–5 นาที)

  6. พักให้เย็นก่อนเก็บหรือเสิร์ฟ

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือ

  • ไข่ต้ม หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ

  • ใช้ไข่เค็มที่มีรสไม่เค็มจัดเกินไป เพื่อให้น้ำพริกไม่เค็มโดด

  • ผัดน้ำพริกด้วยไฟอ่อน คอยคนตลอดเพื่อไม่ให้ไหม้

  • ถ้าชอบเผ็ดมาก เพิ่มพริกแห้งได้ตามชอบ

  • น้ำมันช่วยเคลือบน้ำพริกและทำให้น้ำพริกเก็บได้นานขึ้น

  • สามารถใส่น้ำมะนาวเล็กน้อยก่อนเสิร์ฟเพื่อเพิ่มความสดชื่น

28.น้ำพริกคางกุ้ง

น้ำพริกคางกุ้ง ใช้คางกุ้งทอดกรอบผสมในน้ำพริก เพิ่มความกรุบกรอบและรสชาติกลมกล่อม เค็มหวานเผ็ดลงตัว หอมกะปิและเครื่องเทศ เหมาะสำหรับทานกับผักสดและข้าวสวย

ส่วนผสม

  • คางกุ้งทอดกรอบ 3 ช้อนโต๊ะ

  • กุ้งแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ

  • พริกขี้หนูสวน 15 เม็ด (หรือตามชอบ)

  • กระเทียม 10 กลีบ

  • หอมแดง 3 หัว

  • กะปิ 1 ช้อนชา (คั่วให้หอม)

  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 1–2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา

  • น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

 วิธีทำ

  1. คั่วหรือย่าง พริกขี้หนู กระเทียม หอมแดง และกะปิ ให้หอม

  2. โขลกพริก กระเทียม หอมแดง กะปิ ให้ละเอียด

  3. เติม กุ้งแห้งป่น โขลกผสมจนเข้ากัน

  4. ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ ชิมรสให้กลมกล่อม

  5. ใส่ คางกุ้งทอดกรอบ ลงไป คลุกเบา ๆ ให้ทั่ว

  6. ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย ผัดน้ำพริกให้หอมและแห้งเล็กน้อย (ประมาณ 2-3 นาที)

  7. พักให้เย็นก่อนเสิร์ฟ

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือ

  • ไข่ต้ม หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ

  • คางกุ้งทอดกรอบควรสะเด็ดน้ำมันและไม่เหนียว

  • โขลกพริกและเครื่องให้ละเอียดพอประมาณเพื่อให้น้ำพริกไม่หยาบเกินไป

  • ผัดน้ำพริกบนไฟอ่อนเพื่อไม่ให้ไหม้

  • น้ำมะนาวช่วยเพิ่มความเปรี้ยวสดชื่นและตัดเลี่ยน

  • สามารถเพิ่มพริกสดถ้าชอบเผ็ดมากขึ้น

29.น้ำพริกนรก

น้ำพริกนรก มีจุดเด่นตรงความเผ็ดร้อนลึกซึ้งจากพริกแห้ง และกลิ่นหอมของกระเทียมและหอมแดง ผสมกับกะปิและน้ำปลา รสจัดจ้าน เผ็ดร้อน เปรี้ยว เค็ม หวานครบเครื่อง

ส่วนผสม

  • พริกแห้ง (พริกขี้หนูแห้ง) 20–25 เม็ด

  • กระเทียม 10 กลีบ

  • หอมแดง 5 หัว

  • กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ (คั่วหอม)

  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา

  • กุ้งแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าชอบ)

วิธีทำ

  1. คั่วหรือย่าง พริกแห้ง กระเทียม หอมแดง และกะปิ ให้หอม

  2. โขลกเครื่องทั้งหมดจนละเอียด

  3. เติม กุ้งแห้งป่น โขลกผสมให้เข้ากัน (ถ้าใส่)

  4. ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ ชิมรสให้เปรี้ยว เค็ม เผ็ดกลมกล่อม

  5. หากน้ำพริกแฉะเกินไป ให้ผัดบนกระทะไฟอ่อนจนแห้งเล็กน้อย หรือพักไว้ก่อนเสิร์ฟ

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือยาว

  • ไข่ต้ม หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ

  • ใช้พริกแห้งคุณภาพดี เพื่อความหอมและความเผ็ดที่ดี

  • คั่วกะปิและเครื่องจนหอม จะช่วยลดกลิ่นคาวกะปิ

  • ปรุงรสทีละน้อย ชิมรสระหว่างทำเพื่อให้ได้รสตามชอบ

  • หากไม่ชอบเผ็ดมาก สามารถลดจำนวนพริกได้

  • น้ำมะนาวสดช่วยเพิ่มความเปรี้ยวสดชื่นและตัดเผ็ด

30.น้ำพริกน้ำย้อย

น้ำพริกน้ำย้อย คือ น้ำพริกที่ใช้ “น้ำย้อย” ซึ่งเป็นน้ำหมักจากพริกแห้ง กะปิ หอมแดง และเครื่องเทศอื่น ๆ ให้รสเปรี้ยว หวาน เค็ม หอม เป็นเอกลักษณ์ น้ำพริกรสจัดจ้านนี้เหมาะทานกับผักสดและข้าวเหนียว

ส่วนผสม

  • น้ำย้อย (น้ำหมักพริกแห้งและกะปิ) 3–4 ช้อนโต๊ะ

  • พริกขี้หนูสด 10–15 เม็ด

  • กระเทียม 5 กลีบ

  • หอมแดง 3 หัว

  • กะปิ 1 ช้อนชา (คั่วหอม)

  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา

  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

  • กุ้งแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ

  • ผักชีฝรั่งซอย 1 ช้อนโต๊ะ (ถ้าชอบ)

วิธีทำ

  1. คั่วหรือย่าง พริกขี้หนูสด กระเทียม หอมแดง และกะปิ ให้หอม

  2. โขลกเครื่องทั้งหมดจนละเอียด

  3. เติม กุ้งแห้งป่น โขลกผสมให้เข้ากัน

  4. เติม น้ำย้อย คนให้เข้ากันดี

  5. ปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว ชิมรสให้เปรี้ยว หวาน เค็มกลมกล่อม

  6. ใส่ ผักชีฝรั่งซอย คลุกเบา ๆ ก่อนเสิร์ฟ

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวเหนียวหรือข้าวสวยร้อน ๆ

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ

  • ไข่ต้ม หรือเนื้อย่าง

เคล็ดลับ

  • น้ำย้อยเป็นหัวใจสำคัญ ถ้าไม่มีสามารถใช้ปลาร้าหรือกะปิแทนได้แต่รสชาติจะต่างกัน

  • คั่วกะปิให้หอมก่อนโขลกจะช่วยลดกลิ่นคาว

  • ปรับรสเปรี้ยวหวานเค็มตามชอบ

  • ผักชีฝรั่งช่วยเพิ่มความหอมและความสดชื่น

  • น้ำย้อยมีความเปรี้ยวที่แตกต่างจากน้ำมะนาว จึงควรปรับปริมาณน้ำมะนาวลงตามความเหมาะสม

31.น้ำพริกปลาหมึกหย็อง

น้ำพริกปลาหมึกหย็อง ใช้ปลาหมึกหย็องกรอบเป็นวัตถุดิบหลัก ผสมกับพริก กระเทียม กะปิ และเครื่องปรุงต่าง ๆ ให้รสเผ็ด เค็ม หวานกลมกล่อม พร้อมกลิ่นหอมเฉพาะตัว

ส่วนผสม

  • ปลาหมึกหย็อง 3 ช้อนโต๊ะ

  • พริกขี้หนูสวน 15 เม็ด (หรือปรับตามชอบ)

  • กระเทียม 10 กลีบ

  • หอมแดง 3 หัว

  • กะปิ 1 ช้อนชา (คั่วหอม)

  • กุ้งแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าใส่)

  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา

วิธีทำ

  1. คั่วหรือย่าง พริกขี้หนู กระเทียม หอมแดง และกะปิ ให้หอม

  2. โขลกเครื่องทั้งหมดจนละเอียด

  3. เติม กุ้งแห้งป่น โขลกให้เข้ากัน (ถ้าใส่)

  4. ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ ชิมรสให้กลมกล่อม

  5. ใส่ ปลาหมึกหย็อง คลุกเบา ๆ ให้ทั่ว

  6. พักน้ำพริกไว้สักครู่ให้รสซึมก่อนเสิร์ฟ

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ

  • ไข่ต้ม หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ

  • เลือกปลาหมึกหย็องที่กรอบไม่เหนียว

  • โขลกเครื่องพริกให้ละเอียดเพื่อความเข้ากันของรสชาติ

  • ปรุงรสทีละน้อย ชิมรสระหว่างทำเพื่อให้ได้รสที่ต้องการ

  • สามารถเพิ่มพริกสดหรือน้ำมะนาวตามชอบ

  • หากชอบรสจัดขึ้น ให้เพิ่มปลาหมึกหย็องได้ตามชอบ

32.น้ำพริกสวรรค์

น้ำพริกสวรรค์ เป็นน้ำพริกที่ผสมผสานรสชาติหวาน เค็ม เผ็ด และกลิ่นหอมจากสมุนไพรและเครื่องเทศต่าง ๆ มีความนุ่มนวลและกลมกล่อม เหมาะสำหรับทานกับผักสด ข้าวสวย หรือข้าวเหนียว

ส่วนผสม

  • กุ้งแห้งป่น 3 ช้อนโต๊ะ

  • กากหมูกรอบ 3 ช้อนโต๊ะ

  • พริกขี้หนูแห้ง 10–15 เม็ด

  • กระเทียม 10 กลีบ

  • หอมแดง 5 หัว

  • กะปิ 1 ช้อนชา (คั่วหอม)

  • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา

  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

  • ถั่วลิสงคั่วบด 3 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. คั่วหรือย่าง พริกแห้ง กระเทียม หอมแดง และกะปิ ให้หอม

  2. โขลกเครื่องทั้งหมดจนละเอียด

  3. เติม กุ้งแห้งป่น กากหมูกรอบ ถั่วลิสงคั่วบด โขลกผสมให้เข้ากัน

  4. ปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะนาว ชิมรสให้กลมกล่อม

  5. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืช ผัดน้ำพริกจนหอมและแห้งเล็กน้อย (ประมาณ 3-5 นาที)

  6. พักน้ำพริกให้เย็นก่อนเสิร์ฟ

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ

  • ไข่ต้ม หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ

  • กากหมูกรอบช่วยเพิ่มความกรอบและความมันให้กับน้ำพริก

  • ถั่วลิสงคั่วบดจะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติ

  • ปรุงรสทีละน้อย ชิมระหว่างทำเพื่อให้ได้รสที่ลงตัว

  • ผัดน้ำพริกด้วยไฟอ่อน คอยคนตลอดเพื่อไม่ให้ไหม้

  • น้ำมะนาวช่วยเพิ่มความเปรี้ยวสดชื่นและตัดความมัน

33.น้ำพริกหมูฝอย

น้ำพริกหมูฝอย ใช้หมูฝอยทอดกรอบเป็นวัตถุดิบหลัก ผสมกับเครื่องน้ำพริกที่เผ็ดจัดและหอมกลิ่นกะปิและสมุนไพรต่าง ๆ ให้รสชาติกลมกล่อม เค็มหวาน เผ็ดนิด ๆ

ส่วนผสม

  • หมูฝอยทอดกรอบ 4 ช้อนโต๊ะ

  • พริกขี้หนูแห้ง 15 เม็ด

  • กระเทียม 10 กลีบ

  • หอมแดง 4 หัว

  • กะปิ 1 ช้อนชา (คั่วหอม)

  • กุ้งแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา

  • น้ำมะนาว 1–2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมันพืช 1–2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. คั่วหรือย่าง พริกแห้ง กระเทียม หอมแดง และกะปิ ให้หอม

  2. โขลกเครื่องทั้งหมดจนละเอียด

  3. เติม กุ้งแห้งป่น โขลกผสมให้เข้ากัน

  4. ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว ชิมรสให้กลมกล่อม

  5. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย ผัดน้ำพริกจนหอมและแห้งเล็กน้อย (ประมาณ 3–5 นาที)

  6. ใส่ หมูฝอยทอดกรอบ คลุกให้เข้ากันเบา ๆ

  7. พักน้ำพริกให้เย็นก่อนเสิร์ฟ

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ

  • ไข่ต้ม หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ

  • หมูฝอยทอดกรอบควรสะเด็ดน้ำมันก่อนใส่ในน้ำพริก

  • โขลกเครื่องพริกให้ละเอียดเพื่อความเข้ากันของรสชาติ

  • ปรุงรสทีละน้อย ชิมรสระหว่างทำเพื่อให้ได้รสตามชอบ

  • ผัดน้ำพริกด้วยไฟอ่อนเพื่อไม่ให้ไหม้

  • หากชอบเผ็ดมาก เพิ่มพริกแห้งได้ตามชอบ

น้ำพริกเผา

34.น้ำพริกเผากากหมู

น้ำพริกเผากากหมู ใช้กากหมูกรอบผสมในน้ำพริกเผา เพิ่มความมันกรอบและรสชาติเข้มข้น มีรสหวาน เค็ม และเผ็ดกำลังดี หอมกลิ่นเครื่องเทศ

ส่วนผสม

  • กากหมูกรอบ 4 ช้อนโต๊ะ

  • พริกแห้งเม็ดใหญ่ 15 เม็ด (แช่น้ำจนนุ่ม)

  • หอมแดง 5 หัว

  • กระเทียม 10 กลีบ

  • กะปิ 1 ช้อนชา (คั่วหอม)

  • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมันพืช 3–4 ช้อนโต๊ะ (สำหรับผัดน้ำพริก)

วิธีทำ

  1. แช่พริกแห้งให้นุ่ม แล้วสับหยาบ

  2. คั่วหรือย่าง หอมแดง กระเทียม และกะปิ ให้หอม

  3. โขลกพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม กะปิ ให้ละเอียด

  4. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืช ผัดน้ำพริกด้วยไฟกลาง ผัดจนหอมและน้ำพริกเริ่มเหนียว

  5. เติม น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ผัดให้เข้ากัน ชิมรสหวาน เค็ม เผ็ดตามชอบ

  6. ใส่ กากหมูกรอบ คลุกให้ทั่ว

  7. ผัดต่ออีก 1–2 นาที ปิดไฟ พักน้ำพริกให้เย็นก่อนเสิร์ฟ

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ

  • ไข่ต้ม หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ

  • เลือกกากหมูกรอบไม่มันเยิ้มเพื่อความกรอบอร่อย

  • ผัดน้ำพริกด้วยไฟกลางถึงอ่อน คอยคนตลอดเพื่อไม่ให้ไหม้

  • ปรุงรสชิมระหว่างผัดเพื่อได้รสตามชอบ

  • น้ำมันที่ใช้ผัดสามารถปรับตามความชอบ เพิ่มได้เพื่อความมันเผ็ด

  • สามารถเก็บน้ำพริกในตู้เย็นได้นาน 1-2 สัปดาห์

35.น้ำพริกเผากุ้ง

น้ำพริกเผากุ้ง เป็นน้ำพริกที่มีรสเผ็ด หวาน เค็ม กลมกล่อม มีความหอมมันจากกุ้งแห้งและกุ้งสด รวมถึงกลิ่นกะปิและเครื่องเทศต่าง ๆ

ส่วนผสม

  • กุ้งสดปอกเปลือก 150 กรัม

  • กุ้งแห้งป่น 3 ช้อนโต๊ะ

  • พริกแห้งเม็ดใหญ่ 15 เม็ด (แช่น้ำจนนุ่ม)

  • หอมแดง 5 หัว

  • กระเทียม 10 กลีบ

  • กะปิ 1 ช้อนชา (คั่วหอม)

  • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. ลวกกุ้งสดในน้ำเดือดพอสุก ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ

  2. คั่วหรือย่าง พริกแห้ง หอมแดง กระเทียม และกะปิ ให้หอม

  3. โขลกเครื่องทั้งหมดจนละเอียด

  4. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืช ผัดน้ำพริกด้วยไฟกลางจนหอมและเหนียวเล็กน้อย

  5. เติม กุ้งสด กุ้งแห้งป่น ลงผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน

  6. ปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ชิมรสหวาน เค็ม เผ็ดตามชอบ

  7. ผัดต่อจนส่วนผสมเข้ากันดี ปิดไฟ พักน้ำพริกให้เย็นก่อนเสิร์ฟ

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ

  • ไข่ต้ม หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ

  • ใช้กุ้งสดตัวโตๆ และสดใหม่ เพื่อรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดี

  • ผัดน้ำพริกด้วยไฟกลางถึงอ่อน คอยคนตลอดเพื่อไม่ให้ไหม้

  • ปรับรสหวาน เค็ม เผ็ด ตามชอบ

  • เก็บในภาชนะปิดสนิทและแช่เย็น สามารถเก็บได้นาน 1-2 สัปดาห์

36.น้ำพริกเผาไข่เค็ม

น้ำพริกเผาไข่เค็ม เป็นน้ำพริกเผาที่เพิ่มความพิเศษด้วยไข่เค็ม ทำให้น้ำพริกมีรสเค็มมัน หอมกลิ่นไข่เค็มและเครื่องเทศ รสชาติเข้มข้นลงตัว

ส่วนผสม

  • ไข่เค็มต้มสุก 2 ฟอง

  • พริกแห้งเม็ดใหญ่ 15 เม็ด (แช่น้ำจนนุ่ม)

  • หอมแดง 5 หัว

  • กระเทียม 10 กลีบ

  • กะปิ 1 ช้อนชา (คั่วหอม)

  • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. ลอกเปลือกไข่เค็ม ตักเอาแต่เนื้อไข่เค็มมาโขลกหยาบ ๆ พักไว้

  2. คั่วหรือย่าง พริกแห้ง หอมแดง กระเทียม และกะปิ ให้หอม

  3. โขลกเครื่องทั้งหมดจนละเอียด

  4. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืช ผัดน้ำพริกด้วยไฟกลางจนหอมและเหนียวเล็กน้อย

  5. เติมเนื้อไข่เค็มที่โขลกไว้ลงผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน

  6. ปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ชิมรสหวาน เค็ม เผ็ดตามชอบ

  7. ผัดต่อจนส่วนผสมเข้ากันดี ปิดไฟ พักน้ำพริกให้เย็นก่อนเสิร์ฟ

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ

  • ไข่ต้ม หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ

  • ใช้ไข่เค็มที่ต้มสุกแล้ว เพื่อความหอมมันและไม่คาว

  • โขลกไข่เค็มหยาบ ๆ จะได้เนื้อสัมผัสที่ดี

  • ผัดน้ำพริกด้วยไฟกลางถึงอ่อน คอยคนตลอดเพื่อไม่ให้ไหม้

  • ปรับรสหวาน เค็ม เผ็ดตามชอบ

  • เก็บในภาชนะปิดสนิทและแช่เย็น สามารถเก็บได้นาน 1-2 สัปดาห์

37.น้ำพริกเผาป่า

น้ำพริกเผาป่า เป็นน้ำพริกที่ใช้สมุนไพรและเครื่องเทศจากธรรมชาติ เช่น ใบมะกรูด ตะไคร้ และพริกแห้ง รสชาติจัดจ้าน เผ็ดร้อน พร้อมกลิ่นหอมสดชื่นแบบ “ป่า” แท้จริง

ส่วนผสม

  • พริกแห้งเม็ดใหญ่ 15 เม็ด (แช่น้ำจนนุ่ม)

  • หอมแดง 5 หัว

  • กระเทียม 10 กลีบ

  • กะปิ 1 ช้อนชา (คั่วหอม)

  • ตะไคร้ซอยละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ

  • ใบมะกรูดซอย 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา

  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 1–2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ

 วิธีทำ

  1. คั่วหรือย่าง พริกแห้ง หอมแดง กระเทียม กะปิ ให้หอม

  2. โขลกเครื่องทั้งหมดจนละเอียด

  3. เติม ตะไคร้ซอย ใบมะกรูดซอย โขลกเบา ๆ ให้เข้ากัน

  4. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืช ผัดน้ำพริกด้วยไฟกลางจนหอมและเหนียวเล็กน้อย

  5. ปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะนาว ชิมรสตามชอบ

  6. ผัดต่อประมาณ 2-3 นาที ปิดไฟ พักน้ำพริกให้เย็นก่อนเสิร์ฟ

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ

  • ไข่ต้ม หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ

  • ใช้ตะไคร้และใบมะกรูดสดซอยละเอียด เพื่อกลิ่นหอมธรรมชาติและความกรอบ

  • โขลกสมุนไพรเบา ๆ เพื่อไม่ให้เละเกินไป

  • ผัดน้ำพริกด้วยไฟอ่อนถึงกลาง คอยคนตลอดเพื่อไม่ให้ไหม้

  • ปรุงรสให้ได้รสจัดตามชอบ

  • เก็บในตู้เย็นในภาชนะปิดสนิทได้นาน 1-2 สัปดาห์

37.น้ำพริกเผามันกุ้ง

น้ำพริกเผามันกุ้ง เพิ่มความหอมมันด้วยมันกุ้งสด รสชาติเผ็ดร้อนหวานเค็มกลมกล่อม ใช้มันกุ้งเป็นวัตถุดิบหลัก ทำให้น้ำพริกมีสีส้มสวยและกลิ่นหอมเฉพาะตัว

 ส่วนผสม

  • มันกุ้งสด 4 ช้อนโต๊ะ

  • กุ้งแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ

  • พริกแห้งเม็ดใหญ่ 15 เม็ด (แช่น้ำจนนุ่ม)

  • หอมแดง 5 หัว

  • กระเทียม 10 กลีบ

  • กะปิ 1 ช้อนชา (คั่วหอม)

  • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. คั่วหรือย่าง พริกแห้ง หอมแดง กระเทียม และกะปิ ให้หอม

  2. โขลกเครื่องทั้งหมดจนละเอียด

  3. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืช ผัดน้ำพริกด้วยไฟกลางจนหอมและเหนียวเล็กน้อย

  4. เติม มันกุ้งสด ลงผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน

  5. เติม กุ้งแห้งป่น ผัดให้เข้ากันดี

  6. ปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ชิมรสหวาน เค็ม เผ็ดตามชอบ

  7. ผัดต่อจนส่วนผสมเข้ากันดี ปิดไฟ พักน้ำพริกให้เย็นก่อนเสิร์ฟ

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ

  • ไข่ต้ม หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ

  • ใช้มันกุ้งสดที่สะอาดและสดใหม่ เพื่อรสชาติและกลิ่นหอมที่ดี

  • ผัดน้ำพริกด้วยไฟกลางถึงอ่อน คอยคนตลอดเพื่อไม่ให้ไหม้

  • ปรุงรสตามชอบให้กลมกล่อม

  • เก็บน้ำพริกในภาชนะปิดสนิทและแช่เย็น สามารถเก็บได้นาน 1-2 สัปดาห์

อื่นๆ

38.น้ำพริกกะปิ

ส่วนผสม

  • กะปิคุณภาพดี 3 ช้อนโต๊ะ

  • พริกขี้หนูสวน 20 เม็ด (หรือตามชอบ)

  • หอมแดง 5 หัว

  • กระเทียม 10 กลีบ

  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับผัดกะปิ)

วิธีทำ

  1. คั่วกะปิในกระทะด้วยไฟอ่อนจนหอม (อย่าให้ไหม้)

  2. โขลกพริกขี้หนูสวน หอมแดง และกระเทียมให้ละเอียด

  3. ใส่กะปิคั่วลงไปโขลกรวมกันให้เข้ากันดี

  4. ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ และน้ำปลา ชิมรสหวาน เค็ม เปรี้ยว ตามชอบ

  5. ผัดน้ำพริกด้วยน้ำมันพืชเล็กน้อยจนหอมและเข้ากันดี

  6. ปิดไฟ พักน้ำพริกให้เย็นก่อนเสิร์ฟ

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ ผักบุ้ง

  • ไข่ต้ม หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ

  • ใช้กะปิคุณภาพดี ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน

  • คั่วกะปิด้วยไฟอ่อนเพื่อไม่ให้ไหม้ แต่ช่วยให้มีกลิ่นหอม

  • ปรับรสชาติตามชอบ เผ็ด เปรี้ยว เค็มหวาน

  • เก็บในภาชนะปิดสนิทและแช่เย็น จะเก็บได้นาน 1-2 สัปดาห์

39.น้ำพริกไตปลา

น้ำพริกไตปลา เป็นน้ำพริกที่มีรสชาติจัดจ้าน หอมกลิ่นไตปลาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รสเค็ม ๆ เปรี้ยว ๆ เผ็ด ๆ ผสมผสานลงตัว เหมาะกับการทานคู่กับผักสดและข้าวสวยร้อน ๆ ให้ความรู้สึกเข้มข้นกลมกล่อมแบบไทยแท้

ส่วนผสม

  • ไตปลา 3 ช้อนโต๊ะ

  • พริกขี้หนูสวน 15-20 เม็ด (หรือปรับตามชอบ)

  • หอมแดง 5 หัว

  • กระเทียม 10 กลีบ

  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับผัดน้ำพริก)

วิธีทำ

  1. คั่วไตปลาในกระทะด้วยไฟอ่อนจนมีกลิ่นหอม

  2. โขลกพริกขี้หนู หอมแดง และกระเทียมให้ละเอียด

  3. ใส่ไตปลาคั่วลงไปโขลกรวมกันจนเข้ากันดี

  4. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืช ผัดน้ำพริกด้วยไฟกลางจนหอมและเหนียวเล็กน้อย

  5. เติมน้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว และน้ำปลา ปรับรสชาติตามชอบ

  6. เติมน้ำเปล่าเล็กน้อย ผัดต่อจนเข้ากันดี ปิดไฟ

  7. พักน้ำพริกให้เย็นก่อนเสิร์ฟ

เสิร์ฟคู่กับ

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ

  • ไข่ต้ม หรือปลาทูทอด

เคล็ดลับ

  • ใช้ไตปลาคุณภาพดีที่ไม่มีกลิ่นเหม็น

  • คั่วไตปลาไฟอ่อนเพื่อดึงกลิ่นหอม

  • ปรับรสชาติตามชอบทั้งหวาน เค็ม เปรี้ยว และเผ็ด

  • เก็บน้ำพริกในภาชนะปิดสนิทและแช่เย็น สามารถเก็บได้นาน 1-2 สัปดาห์

40.น้ำพริกมะขามอ่อน

น้ำพริกมะขามอ่อน เป็นน้ำพริกพื้นบ้านรสชาติจัดจ้านที่มีรสเปรี้ยวนำจากมะขามอ่อนสด ผสมผสานกับเครื่องโขลกหอม ๆ อย่างพริก หอม กระเทียม และกะปิ ปรุงให้มีรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด กลมกล่อม นิยมทานคู่กับผักลวก ปลาย่าง หรือไข่ต้ม

ส่วนผสม

  • มะขามอ่อนขูดฝัก 3 ช้อนโต๊ะ

  • พริกขี้หนูสวน 15–20 เม็ด (เพิ่มหรือลดได้)

  • หอมแดง 4 หัว

  • กระเทียม 6 กลีบ

  • กะปิ 1 ช้อนชา (ย่างไฟพอหอม)

  • น้ำปลา 1–2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา (เล็กน้อยพอหักเปรี้ยว)

วิธีทำ

  1. โขลกพริกขี้หนู กระเทียม และหอมแดงให้ละเอียด

  2. ใส่กะปิลงไป โขลกให้เข้ากัน

  3. เติมมะขามอ่อนลงไปโขลกรวมกัน (ถ้าชอบละเอียดให้โขลกนานหน่อย)

  4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลปี๊บเล็กน้อย ชิมรสเปรี้ยวนำ เค็ม เผ็ดตามชอบ

  5. เสิร์ฟใส่ถ้วย พร้อมผักลวกหรือปลาทูทอด

เสิร์ฟคู่กับ

  • ผักลวก เช่น ฟักทอง ถั่วฝักยาว มะเขือ แตงกวา

  • ปลาย่าง ปลาทูทอด หรือไข่ต้ม

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียวก็เข้ากันดี

เคล็ดลับ

  • เลือกมะขามอ่อนที่สด เปรี้ยวจัด จะช่วยให้น้ำพริกอร่อย

  • น้ำตาลปี๊บช่วยหักล้างความเปรี้ยวได้ดี ไม่ควรใส่เยอะ

  • ถ้าชอบเนื้อเนียน ๆ สามารถกรองหรือโขลกให้ละเอียดก่อนเสิร์ฟ

41.น้ำพริกมะเขือยาวไข่ต้ม

น้ำพริกมะเขือยาวไข่ต้มเป็นน้ำพริกพื้นบ้านรสจัดที่นำมะเขือยาวมาย่างจนหอม แล้วโขลกผสมกับพริก กระเทียม หอมแดง และกะปิ ปรุงรสให้เผ็ด เปรี้ยว เค็มกลมกล่อม นิยมเสิร์ฟคู่ไข่ต้ม ผักลวก หรือข้าวสวยร้อน ๆ

ส่วนผสม

  • มะเขือยาว 2-3 ลูก (ย่างไฟจนสุก)

  • พริกขี้หนูสวน 10-15 เม็ด

  • หอมแดง 3 หัว

  • กระเทียม 4 กลีบ

  • กะปิ 1 ช้อนชา (ย่างไฟพอหอม)

  • น้ำมะนาว 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา

  • ไข่ต้ม 2-3 ฟอง (สำหรับเสิร์ฟคู่)

วิธีทำ

  1. ย่างมะเขือยาวทั้งลูกจนเนื้อนิ่ม และเปลือกไหม้เล็กน้อย ปอกเปลือกออกและหั่นเป็นชิ้น

  2. คั่วพริก หอมแดง กระเทียม และกะปิ ให้หอม (หรือย่าง)

  3. โขลกพริก หอม กระเทียม และกะปิให้ละเอียด

  4. ใส่มะเขือยาวลงโขลกให้พอแหลก ไม่ต้องละเอียดมาก

  5. ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ ชิมรสให้เปรี้ยว เค็ม เผ็ดกลมกล่อม

  6. เสิร์ฟใส่ถ้วย พร้อมไข่ต้มและผักเคียง

เครื่องเคียงที่นิยม

  • ไข่ต้ม

  • ผักลวก เช่น ถั่วฝักยาว ฟักทอง มะเขือ แตงกวา

  • ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียว

เคล็ดลับ

  • ย่างมะเขือยาวให้หนังเกรียมและเนื้อนุ่ม จะช่วยให้มีกลิ่นหอมและรสเข้มข้น

  • โขลกมะเขือยาวพอหยาบ เพื่อให้มีเนื้อสัมผัส

  • ปรุงรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ดให้สมดุล จะได้รสชาติที่กลมกล่อม

42.น้ำพริกมะดัน

น้ำพริกมะดันเป็นน้ำพริกพื้นบ้านที่ใช้ผลมะดันสด ๆ ให้รสเปรี้ยวเฉพาะตัว โขลกผสมกับพริกขี้หนู หอมแดง กระเทียม และกะปิ ปรุงรสให้เผ็ด เปรี้ยว เค็ม นิยมทานคู่กับปลาทูทอด ผักลวก หรือไข่ต้ม รสจัดแบบไทยแท้

ส่วนผสม

  • มะดันสด 2-3 ผล (หั่นชิ้นเล็กหรือโขลกหยาบ ๆ)

  • พริกขี้หนูสวน 10-15 เม็ด

  • หอมแดง 4 หัว

  • กระเทียม 5 กลีบ

  • กะปิ 1 ช้อนชา (ย่างไฟหรือคั่วให้หอม)

  • น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา (เล็กน้อยพอหักรสเปรี้ยว)

วิธีทำ

  1. คั่วหรือย่างพริกขี้หนู หอมแดง กระเทียม และกะปิให้หอม

  2. โขลกพริก หอม กระเทียม และกะปิรวมกันจนละเอียด

  3. ใส่มะดันลงโขลกเบา ๆ ให้พอแหลก (ไม่ต้องละเอียดมาก เพื่อให้มีเนื้อสัมผัส)

  4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลปี๊บเล็กน้อย

  5. ชิมรสให้ได้เปรี้ยวนำ เค็ม เผ็ดกลมกล่อม

  6. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง

เครื่องเคียงที่นิยม

  • ปลาทูทอด หรือปลาย่าง

  • ผักสดหรือผักลวก เช่น มะเขือ แตงกวา ถั่วฝักยาว ฟักทอง

  • ไข่ต้ม

  • ข้าวสวยร้อน ๆ

เคล็ดลับ

  • มะดันสดให้รสเปรี้ยวจัด ควรใส่น้ำตาลเล็กน้อยช่วยตัดรส

  • โขลกมะดันพอหยาบ จะได้รสสัมผัสและกลิ่นหอมแบบธรรมชาติ

  • ใช้กะปิคุณภาพดีเพื่อให้น้ำพริกกลมกล่อมและหอมยิ่งขึ้น

 43.น้ำพริกมะม่วง

น้ำพริกมะม่วงเป็นน้ำพริกที่ให้รสเปรี้ยวจัดจ้านจากมะม่วงดิบ โขลกผสมกับพริกขี้หนู กะปิ และเครื่องน้ำพริกอื่น ๆ รสชาติเปรี้ยว เค็ม เผ็ดกลมกล่อม เหมาะกับการทานคู่กับปลาทูทอด ไข่ต้ม หรือผักสด

ส่วนผสม

  • มะม่วงดิบขูดฝอย ½ ถ้วย

  • พริกขี้หนูสวน 15 เม็ด

  • หอมแดง 3 หัว

  • กระเทียม 4 กลีบ

  • กะปิ 1 ช้อนชา (ย่างไฟพอหอม)

  • น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา (เล็กน้อยเพื่อตัดรสเปรี้ยว)

วิธีทำ

  1. โขลกพริกขี้หนู หอมแดง กระเทียม และกะปิให้ละเอียด

  2. เติมมะม่วงขูดฝอยลงไปโขลกรวมกันพอเข้ากัน

  3. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ

  4. ชิมรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ดให้กลมกล่อม

  5. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมปลาทูทอดหรือผักลวก

เคล็ดลับ

  • ใช้มะม่วงเปรี้ยวจัดจะช่วยให้น้ำพริกมีรสชัด

  • อย่าโขลกมะม่วงจนเละ เพื่อให้มีเนื้อสัมผัส

  • หากไม่ชอบเปรี้ยวจัด สามารถใส่น้ำตาลเพิ่มได้เล็กน้อย

44.น้ำพริกหนุ่ม

น้ำพริกหนุ่มเป็นน้ำพริกพื้นเมืองของภาคเหนือ ทำจากพริกหนุ่มย่างแล้วโขลกกับหอมแดง กระเทียม และเครื่องปรุงรส หอมอ่อน ๆ เผ็ดนิด ๆ นิยมทานคู่แคบหมู ไข่ต้ม หรือผักสด

ส่วนผสม

  • พริกหนุ่ม (พริกหยวกเขียว) 5-6 เม็ด

  • หอมแดง 4 หัว

  • กระเทียม 5 กลีบ

  • น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว (ถ้าต้องการเพิ่มรสเปรี้ยว) เล็กน้อย

  • ปลาร้าต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ (ถ้าชอบ)

วิธีทำ

  1. ย่างพริกหนุ่ม หอมแดง และกระเทียมจนสุกไหม้เล็กน้อย แล้วลอกเปลือกพริกออก

  2. โขลกหอมแดงและกระเทียมให้ละเอียด

  3. ใส่พริกหนุ่มลงไป โขลกหยาบ ๆ ให้พอแหลก

  4. เติมน้ำปลา และปลาร้าต้มสุก (ถ้าใช้) คลุกเคล้าให้เข้ากัน

  5. ชิมรสเผ็ด เค็ม กลมกล่อม เสิร์ฟทันที

เคล็ดลับ

  • ย่างพริกหนุ่มจนหนังเกรียมเล็กน้อย จะได้กลิ่นหอม

  • ปรุงรสด้วยน้ำปลาหอมแทนเกลือเพื่อเพิ่มรสชาติ

  • หากใส่ปลาร้า ควรต้มให้สุกและสะอาดก่อนผสม

45.น้ำพริกเห็ดรวม

น้ำพริกเห็ดรวมเป็นน้ำพริกเพื่อสุขภาพที่นำเห็ดหลากชนิดมาต้มและโขลกรวมกับพริก ข่า ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม และปรุงรสแบบน้ำพริกต้มยำ รสชาติเปรี้ยว เค็ม เผ็ด หอมสมุนไพร นิยมทานคู่ผักลวกหรือข้าวเหนียว

ส่วนผสม

  • เห็ดรวม (เห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง เห็ดเข็มทอง) 1 ถ้วย

  • พริกขี้หนูสด 10-15 เม็ด

  • หอมแดง 3 หัว

  • กระเทียม 4 กลีบ

  • ตะไคร้ซอย 1 ต้น

  • ข่าหั่นบาง 3-4 แว่น

  • น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำต้มเห็ดหรือน้ำอุ่น 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. ลวกหรืออบเห็ดรวมให้สุก แล้วบีบน้ำออกเล็กน้อย

  2. คั่วหรือลวกพริก หอมแดง กระเทียม ข่า ตะไคร้ ให้หอม

  3. โขลกเครื่องทั้งหมดให้ละเอียด จากนั้นใส่เห็ดลงโขลกหยาบ ๆ

  4. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำมะนาว เติมน้ำเล็กน้อยให้ขลุกขลิก

  5. ชิมรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ดตามชอบ เสิร์ฟพร้อมผักลวกหรือข้าวเหนียว

เคล็ดลับ

  • ใช้เห็ดหลายชนิดจะได้รสสัมผัสที่หลากหลาย

  • อย่าบดเห็ดละเอียดเกินไป จะเสียเนื้อสัมผัส

  • เพิ่มใบมะกรูดหั่นฝอยหรือน้ำปลาร้าได้ตามชอบ

46.น้ำพริกฮ้า

น้ำพริกฮ้าเป็นน้ำพริกพื้นบ้านของภาคเหนือ มีรสจัดจ้านจากพริกแห้งที่คั่วแล้วโขลกกับข่า ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม และกะปิ หรือปลาร้า เป็นน้ำพริกแห้งเนื้อหยาบ นิยมทานคู่ผักสด ไข่ต้ม หรือข้าวเหนียว

ส่วนผสม

  • พริกแห้งเม็ดใหญ่ 5 เม็ด (แกะเม็ดออก แช่น้ำให้นิ่ม)

  • พริกขี้หนูแห้ง 10 เม็ด

  • ข่า 3 แว่น

  • ตะไคร้ซอย 1 ต้น

  • หอมแดง 4 หัว

  • กระเทียม 5 กลีบ

  • กะปิ 1 ช้อนชา หรือปลาร้าสุก 1 ช้อนโต๊ะ

  • เกลือเล็กน้อย

  • น้ำมันพืช (ถ้าจะผัด)

วิธีทำ

  1. คั่วพริกแห้ง ข่า ตะไคร้ หอมแดง และกระเทียมให้หอม

  2. โขลกส่วนผสมทั้งหมดรวมกันจนหยาบ

  3. ใส่กะปิหรือปลาร้าลงไปโขลกรวมให้เข้ากัน

  4. ชิมรสเค็ม เผ็ด หอมสมุนไพร เสิร์ฟทันที

  5. หากต้องการเก็บได้นาน ให้ผัดกับน้ำมันเล็กน้อยจนหอม

เคล็ดลับ

  • พริกแห้งควรคั่วจนหอมแต่ไม่ไหม้ จะช่วยให้น้ำพริกไม่ขม

  • โขลกพอหยาบ จะได้เนื้อสัมผัสแบบโบราณ

  • ถ้าต้องการเก็บไว้นานให้ผัดแล้วใส่ภาชนะปิดสนิท เก็บในตู้เย็นได้หลายวัน

47.แจ่วบอง

แจ่วบองเป็นน้ำพริกพื้นเมืองของชาวอีสาน มีลักษณะคล้ายน้ำพริกปลาร้า ใช้ปลาร้าสับหรือปลาร้าป่นผัดกับสมุนไพรและพริก ให้รสเค็ม เผ็ด หอม ปรุงรสให้กลมกล่อม กินกับผักสด ข้าวเหนียว หรือแคบหมู อร่อยเข้มข้นในแบบพื้นบ้าน

ส่วนผสม

  • ปลาร้าสับหรือปลาร้าต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะ

  • พริกแห้ง 7-10 เม็ด

  • หอมแดง 4 หัว

  • กระเทียม 5 กลีบ

  • ตะไคร้ซอย 1 ต้น

  • ข่า 2 แว่น

  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

  • ใบมะกรูดซอย (เล็กน้อยสำหรับแต่งกลิ่น)

  • น้ำปลาหรือเกลือเล็กน้อย (ถ้าต้องการปรุงเพิ่ม)

วิธีทำ

  1. คั่วพริก หอม กระเทียม ข่า และตะไคร้ให้หอม จากนั้นโขลกให้ละเอียด

  2. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน ผัดเครื่องที่โขลกไว้จนหอม

  3. ใส่ปลาร้าสับหรือปลาร้าต้ม ผัดให้เข้ากันจนงวด

  4. ใส่ใบมะกรูดซอย ผัดอีกเล็กน้อย ปิดไฟ

  5. ชิมรสตามชอบ เสิร์ฟพร้อมผักลวกหรือข้าวเหนียว

เคล็ดลับ

  • ปลาร้าควรต้มสุกก่อนเพื่อความสะอาด

  • ผัดด้วยไฟอ่อนเพื่อให้กลิ่นหอมและเก็บได้นาน

  • หากต้องการเก็บไว้นาน ควรผัดจนแห้งสนิท

48.แจ่วบองผัดหมูสับ

แจ่วบองผัดหมูสับเป็นการประยุกต์แจ่วบองแบบดั้งเดิมให้อร่อยขึ้นโดยเติมหมูสับลงไป ผัดรวมกับเครื่องสมุนไพรและปลาร้า ให้รสเผ็ด เค็ม หอม กลมกล่อมยิ่งขึ้น ทานกับข้าวเหนียวหรือผักสดก็อร่อย เป็นกับข้าวหรือเครื่องจิ้มก็ได้

ส่วนผสม

  • หมูสับ 150 กรัม

  • ปลาร้าสับหรือต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะ

  • พริกแห้ง 7-10 เม็ด

  • หอมแดง 4 หัว

  • กระเทียม 5 กลีบ

  • ตะไคร้ซอย 1 ต้น

  • ข่า 2 แว่น

  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

  • ใบมะกรูดซอยเล็กน้อย

  • น้ำปลา หรือน้ำตาลเล็กน้อย (ปรุงรสเพิ่มเติม)

วิธีทำ

  1. คั่วพริก หอมแดง กระเทียม ข่า และตะไคร้ให้หอม แล้วโขลกให้ละเอียด

  2. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ผัดเครื่องที่โขลกไว้จนหอม

  3. ใส่หมูสับลงไป ผัดจนหมูสุก

  4. เติมปลาร้าสับ ผัดให้เข้ากันจนงวด

  5. ใส่ใบมะกรูดซอย ผัดจนหอม ปิดไฟ

  6. ชิมรสตามชอบ เสิร์ฟพร้อมผักลวก ข้าวเหนียว หรือข้าวสวย

เคล็ดลับ

  • ใช้หมูสับติดมันเล็กน้อยจะทำให้เนื้อไม่แห้ง

  • ปรุงเพิ่มด้วยน้ำปลาหรือพริกป่นหากชอบรสเข้ม

  • สามารถเก็บในตู้เย็นได้นาน 4-5 วัน

49.น้ำพริกกลางดง

น้ำพริกกลางดงเป็นน้ำพริกรสจัดที่มีพริกสดจำนวนมาก ผสมกับกระเทียม หอมแดง และกะปิ โขลกรวมกันแบบดิบ ๆ ไม่ต้องผ่านการปรุงสุก ได้กลิ่นหอมของพริกและกะปิอย่างเป็นธรรมชาติ รสเผ็ด เค็ม เข้มข้น เหมาะสำหรับทานกับผักสด ไข่ต้ม หรือข้าวเหนียว

ส่วนผสม

  • พริกขี้หนูสวนสด 20 เม็ด

  • กระเทียมสด 5 กลีบ

  • หอมแดงสด 3 หัว

  • กะปิ 1 ช้อนชา (ย่างไฟให้หอม)

  • น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ (หรือใช้มะนาวซีก)

วิธีทำ

  1. โขลกพริกขี้หนู กระเทียม และหอมแดงให้แหลกพอหยาบ

  2. เติมกะปิลงไป โขลกให้เข้ากัน

  3. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำมะนาว ชิมรสเผ็ด เค็ม เปรี้ยวกลมกล่อม

  4. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักสดและไข่ต้ม

เคล็ดลับ

  • ใช้พริกสวนสดจะได้รสเผ็ดหอมแบบธรรมชาติ

  • โขลกแบบหยาบเล็กน้อยเพื่อให้มีเนื้อสัมผัส

  • ไม่ควรเก็บไว้นาน เพราะเป็นน้ำพริกดิบ ควรทำกินสดใหม่

50.น้ำพริกกากหมูมะนาว

น้ำพริกกากหมูมะนาวเป็นน้ำพริกแนวแห้งที่ผสมกากหมูกรอบ ๆ กับพริก กระเทียม มะนาว และเครื่องปรุง รสชาติเผ็ด เปรี้ยว เค็ม หอมมันจากกากหมู กินคู่ข้าวสวยหรือข้าวเหนียวก็อร่อยกรุบกรอบลงตัว

ส่วนผสม

  • กากหมู ½ ถ้วย (กรอบ)

  • พริกขี้หนูสวน 15 เม็ด

  • กระเทียม 5 กลีบ

  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลทรายเล็กน้อย (ตัดรส)

  • หอมแดงซอย (ถ้าชอบเพิ่มกลิ่น)

วิธีทำ

  1. โขลกพริกขี้หนูและกระเทียมให้พอแหลก

  2. เติมกากหมูลงไปโขลกเบา ๆ ให้เข้ากัน

  3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาล ชิมรสเผ็ด เค็ม เปรี้ยว

  4. เสิร์ฟทันทีพร้อมข้าวสวยหรือผักสด

เคล็ดลับ

  • กากหมูควรทอดใหม่ ๆ ให้กรอบ ไม่อมน้ำมัน

  • โขลกเบา ๆ เพื่อให้กากหมูยังคงความกรอบ

  • กินทันทีจะได้รสชาติสดใหม่ กากหมูยังกรอบ

51.น้ำพริกไก่กรอบ

น้ำพริกไก่กรอบเป็นน้ำพริกแห้งที่นำเนื้อไก่ฉีกหรือบดไปทอดจนกรอบ ผสมกับพริก กระเทียม หอมแดง และเครื่องปรุง รสเผ็ด เค็ม มัน หอมไก่ทอดกรุบกรอบ ทานคู่ข้าวสวยหรือข้าวเหนียวก็อร่อยพกพาสะดวก

ส่วนผสม

  • เนื้ออกไก่ 1 ถ้วย (ต้มแล้วฉีกฝอยหรือบดหยาบ)

  • พริกขี้หนูแห้ง 10 เม็ด

  • หอมแดง 3 หัว

  • กระเทียม 4 กลีบ

  • น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

  • น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำ

  1. ทอดเนื้อไก่ฉีกในน้ำมันร้อนไฟกลางจนกรอบ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน

  2. คั่วพริกแห้ง หอมแดง และกระเทียมให้หอม แล้วโขลกหยาบ ๆ

  3. ผสมไก่ทอดกับเครื่องโขลกในชาม เติมน้ำปลา น้ำตาล คลุกให้เข้ากัน

  4. ชิมรสเผ็ด เค็ม หอมไก่ทอด เสิร์ฟหรือเก็บใส่ภาชนะไว้รับประทาน

เคล็ดลับ

  • ไก่ควรทอดจนกรอบแต่ไม่ไหม้ เพื่อให้เก็บได้นาน

  • เครื่องโขลกควรคั่วก่อนเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม

  • ปรุงรสให้กลมกล่อมก่อนผสมกับไก่ทอด

52.น้ำพริกตาแดงปลาย่าง

น้ำพริกตาแดงปลาย่างเป็นน้ำพริกพื้นบ้านที่ใช้พริกแห้งคั่ว โขลกกับกระเทียม หอมแดง และเนื้อปลาย่าง เพิ่มกะปิเล็กน้อยให้หอม รสเผ็ด เค็ม หอมเข้มข้น นิยมทานกับข้าวเหนียว ผักลวก หรือไข่ต้ม

ส่วนผสม

  • พริกแห้งเม็ดใหญ่ 5 เม็ด

  • พริกขี้หนูแห้ง 10 เม็ด

  • หอมแดง 3 หัว

  • กระเทียม 4 กลีบ

  • เนื้อปลาย่าง (เช่น ปลาช่อน หรือปลาทู) ½ ถ้วย

  • กะปิ 1 ช้อนชา (ย่างไฟให้หอม)

  • น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว (ถ้าชอบเปรี้ยวเล็กน้อย)

วิธีทำ

  1. ย่างหรือคั่วพริก หอมแดง และกระเทียมจนหอม แล้วโขลกให้ละเอียด

  2. แกะเนื้อปลาย่าง เอาก้างออก แล้วโขลกรวมกับเครื่องให้เข้ากัน

  3. เติมกะปิลงโขลกอีกครั้ง ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำมะนาวตามชอบ

  4. ชิมรสให้เผ็ด เค็ม หอมเนื้อปลา เสิร์ฟทันที

เคล็ดลับ

  • ปลาย่างควรย่างให้หอมและไม่แฉะ จะทำให้น้ำพริกไม่มีกลิ่นคาว

  • ถ้าไม่ชอบมีกลิ่นกะปิจัด สามารถลดหรือไม่ใส่ได้

  • เหมาะสำหรับทำล่วงหน้าและเก็บไว้ในตู้เย็นได้ 2-3 วัน

53.น้ำพริกตาแดงแมงดา

น้ำพริกตาแดงแมงดาเป็นน้ำพริกพื้นบ้านที่ใช้แมงดา (กุ้งแมงดาแห้ง) เพิ่มความหอมและรสชาติเผ็ดร้อนร่วมกับพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม และกะปิ น้ำพริกนี้มีความเข้มข้น หอมกลิ่นทะเล ทานคู่ผักสด ข้าวเหนียว หรือไข่ต้มได้ดี

ส่วนผสม

  • แมงดาแห้ง 2-3 ตัว

  • พริกแห้งเม็ดใหญ่ 5 เม็ด

  • พริกขี้หนูแห้ง 10 เม็ด

  • หอมแดง 3 หัว

  • กระเทียม 4 กลีบ

  • กะปิ 1 ช้อนชา (ย่างไฟให้หอม)

  • น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ (ถ้าชอบเปรี้ยว)

วิธีทำ

  1. คั่วแมงดาแห้งกับพริกแห้ง หอมแดง กระเทียมให้หอม

  2. โขลกส่วนผสมทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด

  3. เติมกะปิ ผสมให้เข้ากันอีกครั้ง

  4. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำมะนาว ชิมรสเผ็ด เค็ม เปรี้ยวตามชอบ

  5. เสิร์ฟพร้อมผักสดหรือข้าวเหนียว

เคล็ดลับ

  • แมงดาแห้งควรคั่วก่อนโขลกเพื่อให้กลิ่นหอมไม่คาว

  • โขลกให้ละเอียดแต่ยังมีเนื้อสัมผัสจะดี

  • หากไม่ชอบเผ็ดจัด สามารถลดปริมาณพริกได้

54.น้ำไตปลาแห้ง

น้ำไตปลาแห้งเป็นน้ำพริกที่ใช้ไตปลาเค็มนำมาคั่วแห้งกับพริก หอมแดง และกระเทียมจนหอมกรอบ รสเค็มจัด เผ็ดร้อน เหมาะสำหรับคนชอบรสจัด ทานคู่ข้าวสวย ผักลวก หรือไข่ต้มจะอร่อยมาก

ส่วนผสม

  • ไตปลาเค็ม 3 ช้อนโต๊ะ

  • พริกแห้งเม็ดใหญ่ 5 เม็ด

  • พริกขี้หนูแห้ง 10 เม็ด

  • หอมแดง 3 หัว

  • กระเทียม 4 กลีบ

  • น้ำตาลทรายเล็กน้อย

  • น้ำมะนาว (ถ้าชอบ)

วิธีทำ

  1. คั่วไตปลาเค็ม พริกแห้ง หอมแดง และกระเทียมในกระทะจนกรอบและหอม

  2. โขลกส่วนผสมทั้งหมดให้ละเอียดพอประมาณ

  3. ปรุงรสด้วยน้ำตาลและน้ำมะนาวตามชอบ

  4. เสิร์ฟทันทีกับผักสดหรือข้าวสวย

เคล็ดลับ

  • คั่วไตปลาไฟอ่อน ๆ เพื่อไม่ให้ไหม้ขม

  • หากชอบรสเปรี้ยว ให้เติมน้ำมะนาวตอนหลังโขลก

  • เก็บในภาชนะปิดสนิทในตู้เย็นได้หลายวัน

55.น้ำพริกนรกกากหมู

น้ำพริกนรกกากหมูเป็นน้ำพริกแห้งรสจัดเผ็ดร้อน ผสมกากหมูกรอบที่ให้รสชาติและความมัน หอมกลิ่นพริก กระเทียม และเครื่องเทศ ให้รสเค็มเผ็ดกลมกล่อม เหมาะกินกับข้าวสวยหรือข้าวเหนียว และผักสด

ส่วนผสม

  • กากหมูกรอบ ½ ถ้วย

  • พริกขี้หนูแห้ง 10-15 เม็ด

  • กระเทียม 5 กลีบ

  • หอมแดง 3 หัว

  • น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

  • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ (ถ้าชอบเปรี้ยว)

วิธีทำ

  1. คั่วพริกแห้ง หอมแดง และกระเทียมจนหอม

  2. โขลกส่วนผสมทั้งหมดรวมกันจนละเอียดพอประมาณ

  3. เติมกากหมูลงไปคลุกเคล้าเบา ๆ ให้เข้ากัน

  4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล และน้ำมะนาว ชิมรสตามชอบ

  5. เสิร์ฟพร้อมผักสดหรือข้าวเหนียว

เคล็ดลับ

  • กากหมูควรกรอบสดใหม่เพื่อความอร่อย

  • โขลกพริกและเครื่องเทศให้ละเอียดเพื่อให้รสชาติเข้าเนื้อ

  • สามารถเก็บในตู้เย็นได้หลายวันในภาชนะปิดสนิท

56.น้ำพริกอ่องผัดแห้ง

น้ำพริกอ่องผัดแห้งเป็นน้ำพริกแบบผัดแห้งที่ใช้หมูสับ ผสมกับมะเขือเทศ และพริกแห้งโขลกให้เข้ากัน รสชาติหวาน เค็ม เผ็ดเล็กน้อย กลิ่นหอมเครื่องเทศ เหมาะทานกับข้าวเหนียวหรือข้าวสวย

ส่วนผสม

  • หมูสับ 150 กรัม

  • มะเขือเทศสุก 2 ผล (หั่นชิ้นเล็ก)

  • พริกแห้ง 7-10 เม็ด

  • กระเทียม 4 กลีบ

  • หอมแดง 3 หัว

  • กะปิ 1 ช้อนชา

  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

  • น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. โขลกพริกแห้ง หอมแดง และกระเทียมให้ละเอียด

  2. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ผัดเครื่องที่โขลกไว้จนหอม

  3. ใส่หมูสับ ผัดจนสุก

  4. เติมมะเขือเทศและกะปิ ผัดจนมะเขือเทศสุกและน้ำงวด

  5. ปรุงรสด้วยน้ำตาลและน้ำปลา ชิมรสให้กลมกล่อม

  6. ปิดไฟ เสิร์ฟกับข้าวเหนียวหรือผักสด

เคล็ดลับ

  • ใช้มะเขือเทศสุกจัดเพื่อให้รสหวานและสีสวย

  • ผัดไฟกลางถึงอ่อนเพื่อไม่ให้หมูแห้งเกินไป

  • สามารถเพิ่มพริกป่นหากชอบเผ็ดมากขึ้น

57. น้ำพริกขิงหมูสับ

น้ำพริกขิงหมูสับเป็นน้ำพริกผัดแห้งรสเผ็ด เค็ม หวานอ่อน มีกลิ่นหอมของขิงสดและพริกแห้ง ผัดรวมกับหมูสับละเอียดจนแห้ง หอม รสเข้มข้น นิยมทานคู่กับข้าวสวย ไข่ต้ม หรือผักลวก

ส่วนผสม

  • หมูสับ 150 กรัม

  • ขิงสดขูด 2 ช้อนโต๊ะ

  • พริกแห้งเม็ดใหญ่ 5 เม็ด

  • หอมแดง 3 หัว

  • กระเทียม 5 กลีบ

  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 1½ ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. โขลกพริกแห้ง หอมแดง และกระเทียมให้ละเอียด

  2. ผัดเครื่องแกงกับน้ำมันจนหอม

  3. ใส่ขิงขูดลงผัดให้เข้ากัน ตามด้วยหมูสับ

  4. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาล ผัดจนหมูแห้ง ร่วน และมีกลิ่นหอม

  5. เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย ไข่ต้ม หรือผักลวก

เคล็ดลับ

  • ใช้ขิงแก่จะได้กลิ่นชัดเจนและเผ็ดร้อนพอดี

  • ผัดไฟกลาง อย่าแรงเกินไป เพื่อไม่ให้ไหม้

  • ควรใช้หมูไม่ติดมันมาก เพื่อให้น้ำพริกแห้งและเก็บได้นาน

58.น้ำพริกตะลิงปลิง

น้ำพริกตะลิงปลิงเป็นน้ำพริกรสเปรี้ยวเฉพาะตัวจากผลตะลิงปลิง ให้ความเปรี้ยวแบบธรรมชาติ ผสมกับพริกสวน กะปิ และกระเทียม หอมจัดจ้าน กินกับปลาย่างหรือผักสดอร่อยมาก

ส่วนผสม

  • ตะลิงปลิง 4-5 ผล (หั่นชิ้นเล็ก)

  • พริกขี้หนูสวน 15 เม็ด

  • กระเทียม 4 กลีบ

  • หอมแดง 3 หัว

  • กะปิ 1 ช้อนชา (เผาให้หอม)

  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. โขลกพริก กระเทียม หอมแดงให้แหลก

  2. ใส่กะปิลงโขลกให้เข้ากัน

  3. ใส่ตะลิงปลิงโขลกพอแหลก

  4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา ชิมรสให้เปรี้ยว เค็มจัดจ้าน

  5. เสิร์ฟพร้อมผักสดหรือปลาทอด

เคล็ดลับ

  • เลือกตะลิงปลิงที่สุกเล็กน้อยจะให้รสเปรี้ยวแต่ไม่ฝาด

  • โขลกตะลิงปลิงเบา ๆ อย่าให้เละ จะคงเนื้อสัมผัสไว้ได้ดี

  • หากเปรี้ยวมากเกินไป สามารถเติมน้ำตาลเล็กน้อยตัดรสได้

59.น้ำพริกเห็ดเผาะ

น้ำพริกเห็ดเผาะเป็นน้ำพริกพื้นบ้านจากภาคเหนือและอีสาน มีรสเผ็ด เค็ม และมันจากเห็ดเผาะต้ม โขลกกับพริกสด หอมแดง และกระเทียม นิยมกินกับข้าวเหนียวหรือผักต้มตามฤดูกาล

ส่วนผสม

  • เห็ดเผาะต้มสุก ½ ถ้วย

  • พริกขี้หนูสด 15 เม็ด

  • หอมแดง 3 หัว

  • กระเทียม 4 กลีบ

  • น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. โขลกพริก หอมแดง และกระเทียมให้ละเอียด

  2. ใส่เห็ดเผาะโขลกพอแหลกให้เข้ากัน

  3. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำมะนาว

  4. เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวหรือผักลวกตามชอบ

เคล็ดลับ

  • เห็ดเผาะควรต้มให้สุกแต่ไม่เละ แล้วแช่น้ำเย็นก่อนโขลก

  • ควรโขลกเบา ๆ เพื่อให้ยังมีเนื้อเห็ดให้เคี้ยว

  • ใช้พริกสดจะให้กลิ่นหอมสดใหม่มากกว่าพริกแห้ง

60.น้ำพริกมะเขือเผา

น้ำพริกมะเขือเผาเป็นน้ำพริกพื้นบ้านที่มีรสเผ็ด เปรี้ยว เค็ม หอมกลิ่นไหม้จากการย่างมะเขือและกระเทียม เหมาะกินกับไข่ต้ม ผักลวก หรือปลาย่าง

ส่วนผสม

  • มะเขือเปราะ 3-4 ลูก (ผ่าครึ่ง)

  • พริกขี้หนูสด 15 เม็ด

  • กระเทียม 5 กลีบ

  • หอมแดง 3 หัว

  • กะปิ 1 ช้อนชา (ย่างไฟให้หอม)

  • น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. ย่างมะเขือ หอมแดง และกระเทียมจนสุกไหม้พอหอม ปอกเปลือกออก

  2. โขลกพริกสดให้แหลก ตามด้วยกระเทียม หอมแดง และกะปิ

  3. ใส่มะเขือเผา โขลกเบา ๆ ให้เข้ากันแต่ยังมีเนื้อ

  4. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำมะนาว

  5. เสิร์ฟพร้อมผักสดหรือไข่ต้ม

เคล็ดลับ

  • ย่างด้วยไฟอ่อนเพื่อให้เปลือกเกรียมแต่เนื้อในนุ่ม

  • มะเขือควรโขลกพอหยาบให้มีเนื้อสัมผัส

  • ทานสดใหม่จะได้กลิ่นหอมย่างชัดเจน

คุณสามารถสร้างสรรค์น้ำพริกอร่อยๆ ด้วยตัวเองที่บ้าน ไม่ว่าคุณจะเป็นสายพื้นถิ่น สายเผ็ด สายคลีน หรืออยากต่อยอดเป็นอาชีพ ขอแค่มีสูตรและวัตถุดิบที่ใช่ ก็ทำได้ง่ายโดยไม่ต้องง้อร้าน

Facebook
Twitter
Email
Print

หมวดหมู่

PTKss เราคือผู้นำเข้า
และจัดจำหน่ายเครื่องจักร

จากโรงงานที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมผลิตอาหารแปรรูป ในราคาขายปลีก และราคาส่งที่เหมาะสม

บทความที่เกี่ยวข้อง

Set your categories menu in Header builder -> Mobile -> Mobile menu element -> Show/Hide -> Choose menu
Shopping cart
Start typing to see posts you are looking for.