รวมอาหารอบแห้งยอดฮิต ขนม ผัก ผลไม้ และอาหารทะเลครบถ้วน
อาหารอบแห้งถือเป็นหนึ่งในวิธีการถนอมอาหารที่นิยมใช้กันมายาวนาน เพราะสามารถช่วยยืดอายุการเก็บรักษาโดยไม่เสียรสชาติหรือคุณค่าทางโภชนาการมากเกินไป นอกจากจะสะดวกในการพกพาและทานเล่นได้ง่ายแล้ว ยังเหมาะสำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารอีกด้วย ปัจจุบันอาหารอบแห้งมีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ขนมทานเล่น ผลไม้อบแห้ง ผักอบกรอบ เนื้อสัตว์อบแห้ง ไปจนถึงอาหารทะเลอบแห้ง บทความนี้จะพาไปรู้จักกับอาหารอบแห้งยอดฮิตที่ควรมีติดบ้านไว้
Table of Contents
Toggle1. ผลไม้อบแห้ง
กล้วยอบแห้ง ขนมสุขภาพ หวานธรรมชาติ เคี้ยวเพลิน เก็บได้นาน
“กล้วยอบแห้ง” เป็นอาหารอบแห้งที่อยู่คู่ครัวไทยมานาน ด้วยรสชาติหวานธรรมชาติจากกล้วยแท้ ๆ เนื้อนุ่มหนึบ เคี้ยวเพลิน และยังเก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องใส่วัตถุกันเสีย ปัจจุบันกล้วยอบแห้งไม่เพียงแต่เป็นของว่างเพื่อสุขภาพ แต่ยังกลายเป็นสินค้าส่งออกที่สร้างรายได้ให้กับผู้ผลิตจำนวนมาก บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักประโยชน์ วิธีทำ วิธีเก็บรักษา และไอเดียการนำกล้วยอบแห้งไปใช้ในเมนูอาหารต่าง ๆ
ประเภทของกล้วยอบแห้ง
-
กล้วยตาก – ใช้วิธีการตากแดดแบบดั้งเดิม
-
กล้วยอบลมร้อน – ใช้เครื่องอบแห้ง ควบคุมอุณหภูมิได้สม่ำเสมอ
-
กล้วยอบน้ำผึ้ง – เพิ่มรสหวานหอมด้วยการเคลือบน้ำผึ้ง
คุณประโยชน์ของกล้วยอบแห้ง
กล้วยอบแห้งไม่ได้มีดีแค่รสชาติอร่อย แต่ยังเต็มไปด้วยสารอาหารสำคัญ เช่น
-
พลังงานสูง – เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้แรงงานหรือออกกำลังกาย เพราะมีคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายดูดซึมได้เร็ว
-
อุดมด้วยโพแทสเซียม – ช่วยควบคุมความดันโลหิตและบำรุงหัวใจ
-
ไฟเบอร์สูง – ส่งเสริมระบบขับถ่ายและช่วยให้อิ่มท้องนาน
-
วิตามินบี – บำรุงระบบประสาทและช่วยให้ร่างกายมีพลังงาน
-
สารต้านอนุมูลอิสระ – ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์
วิธีทำกล้วยอบแห้งเบื้องต้น
-
เลือกกล้วยน้ำว้าสุกงอมพอดี ไม่เละเกินไป
-
ปอกเปลือก แล้วนำไปตากแดดจัด 2–3 วัน หรือใช้เครื่องอบที่อุณหภูมิประมาณ 60–70 องศาเซลเซียส
-
พลิกกลับด้านเป็นระยะ เพื่อให้กล้วยแห้งสม่ำเสมอ
-
เมื่อได้เนื้อเหนียวนุ่มตามต้องการ ให้นำมาเก็บในภาชนะที่สะอาดและปิดสนิท
วิธีเก็บรักษา
-
ควรเก็บในถุงซิปล็อกหรือกล่องที่ปิดสนิท ป้องกันความชื้นและฝุ่น
-
เก็บในที่แห้งและอุณหภูมิห้องปกติจะอยู่ได้นานหลายสัปดาห์
-
หากเก็บในตู้เย็น จะช่วยยืดอายุให้นานขึ้น 2–3 เดือน
ไอเดียการกินกล้วยอบแห้ง
-
กินเป็นของว่างเพื่อสุขภาพแทนขนมหวาน
-
โรยบนซีเรียลหรือใส่ในโยเกิร์ต เพิ่มรสชาติและคุณค่าโภชนาการ
-
ใช้เป็นส่วนผสมในเบเกอรี่ เช่น คุกกี้ ขนมปัง หรือเค้กผลไม้
-
พกติดกระเป๋าเวลาเดินทางหรือออกกำลังกาย
มะม่วงอบแห้ง ผลไม้อบแห้งยอดนิยม หวานหอม อมเปรี้ยว เคี้ยวเพลิน
มะม่วงอบแห้งถือเป็นหนึ่งในอาหารอบแห้งที่ได้รับความนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ ด้วยรสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อหนึบเคี้ยวเพลิน และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวของมะม่วง ทำให้มะม่วงอบแห้งกลายเป็นขนมทานเล่นยอดฮิตที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย อีกทั้งยังเป็นสินค้าของฝากที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมักเลือกซื้อกลับไป บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักประโยชน์ วิธีทำ วิธีเก็บรักษา และไอเดียการทานมะม่วงอบแห้งให้อร่อยมากขึ้น
ทำความรู้จักมะม่วงอบแห้ง
มะม่วงอบแห้งทำจากมะม่วงพันธุ์ที่มีรสหวานหอม เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงอกร่อง หรือพันธุ์ที่มีเนื้อแน่น เมื่อนำมาอบหรือตากแห้ง จะได้เนื้อที่เหนียวนุ่ม เคี้ยวหนึบ และยังคงรสชาติของมะม่วงสุกเอาไว้
ประเภทมะม่วงอบแห้งที่นิยม
-
มะม่วงอบแห้งธรรมชาติ – ไม่มีการเติมน้ำตาล รสหวานอมเปรี้ยวจากเนื้อผลไม้แท้
-
มะม่วงอบน้ำตาล – เคลือบน้ำเชื่อมเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติและความเงางาม
-
มะม่วงอบแห้งผสม – พบในซีเรียล กราโนลา หรือของหวานสำเร็จรูป
ประโยชน์ของมะม่วงอบแห้ง
-
อุดมด้วยวิตามินเอ – ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ
-
วิตามินซีสูง – เสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด และช่วยให้ผิวกระจ่างใส
-
ใยอาหารมาก – ส่งเสริมระบบขับถ่ายและช่วยให้อิ่มนาน
-
สารต้านอนุมูลอิสระ – ลดความเสี่ยงการเกิดโรคเรื้อรัง
-
ให้พลังงานอย่างพอเหมาะ – เหมาะเป็นของว่างระหว่างวัน
วิธีทำมะม่วงอบแห้งเบื้องต้น
-
เลือกมะม่วงสุกที่มีเนื้อแน่นและรสหวานพอดี
-
ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นบางหรือชิ้นยาว
-
วางเรียงบนถาดอบ แล้วนำไปตากแดดหรืออบด้วยอุณหภูมิ 55–65 องศาเซลเซียส ประมาณ 10–12 ชั่วโมง
-
พลิกชิ้นมะม่วงเป็นระยะเพื่อให้แห้งสม่ำเสมอ
-
เมื่อได้เนื้อเหนียวนุ่มตามต้องการ ให้นำมาเก็บในภาชนะที่ปิดสนิท
วิธีเก็บรักษา
-
เก็บในถุงซิปล็อกหรือกล่องปิดสนิท เพื่อป้องกันความชื้น
-
ควรเก็บในที่เย็นและแห้ง หากเปิดซองแล้วควรเก็บไว้ในตู้เย็น
-
หากเป็นมะม่วงอบแห้งแบบไม่เติมน้ำตาล จะเก็บได้ประมาณ 1–2 เดือน ส่วนแบบเติมน้ำตาลสามารถเก็บได้นานกว่า
ไอเดียการทานมะม่วงอบแห้ง
-
กินเล่นเป็นของว่างเพื่อสุขภาพแทนขนมหวาน
-
ใส่ในซีเรียลหรือกราโนลาเพื่อเพิ่มรสชาติ
-
ใช้เป็นท็อปปิ้งโยเกิร์ตหรือไอศกรีม
-
ผสมในเบเกอรี่ เช่น ขนมปัง เค้ก หรือคุกกี้ผลไม้
-
จัดเป็นของฝากคุณภาพ ที่ทั้งคนไทยและชาวต่างชาตินิยมซื้อ
แอปเปิ้ลอบแห้ง ของว่างเพื่อสุขภาพ เคี้ยวเพลิน เก็บได้นาน
แอปเปิ้ลอบแห้ง ถือเป็นของว่างเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยรสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อกรอบนุ่มกำลังดี และยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะทั้งสำหรับการทานเล่น พกพาเป็นของว่างระหว่างวัน หรือใช้เป็นส่วนประกอบในเบเกอรี่และอาหารเช้า เช่น กราโนลาและซีเรียล แอปเปิ้ลอบแห้งไม่เพียงแต่อร่อย แต่ยังเป็นแหล่งพลังงานและสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพในทุกเพศทุกวัย
คุณค่าทางโภชนาการของแอปเปิ้ลอบแห้ง
แม้แอปเปิ้ลสดจะเป็นผลไม้ที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ แต่เมื่อผ่านกระบวนการอบแห้งแล้ว คุณค่าทางอาหารยังคงอยู่ในปริมาณที่เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะใยอาหารที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย นอกจากนี้ยังมีสารโพลีฟีนอลที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง
ในแอปเปิ้ลอบแห้งยังมีแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น โพแทสเซียม ที่ช่วยควบคุมความดันโลหิต และ ธาตุเหล็ก ที่ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการของว่างที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์
ประโยชน์ของแอปเปิ้ลอบแห้ง
-
ช่วยควบคุมน้ำหนัก – ใยอาหารสูง ทำให้อิ่มนาน ลดการกินจุบจิบ
-
ดูแลระบบขับถ่าย – ไฟเบอร์ช่วยปรับสมดุลลำไส้และลดอาการท้องผูก
-
ต้านอนุมูลอิสระ – ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสื่อม และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
-
เสริมพลังงานระหว่างวัน – เหมาะสำหรับนักเรียน คนทำงาน หรือผู้ที่ออกกำลังกาย
-
ดีต่อสุขภาพหัวใจ – โพแทสเซียมช่วยควบคุมความดัน และลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ
วิธีทำแอปเปิ้ลอบแห้ง
การทำแอปเปิ้ลอบแห้งไม่ยาก สามารถทำเองได้ที่บ้าน โดยเลือกแอปเปิ้ลสดคุณภาพดี ล้างสะอาด หั่นเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วนำไปอบที่อุณหภูมิต่ำประมาณ 60–80 องศาเซลเซียส เป็นเวลาหลายชั่วโมงจนได้เนื้อแห้งกรอบ หรือหากมีเครื่องอบผลไม้ก็สามารถทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีสูตรที่สามารถโรยอบเชย (Cinnamon) เพิ่มความหอมหวานและกลิ่นเฉพาะตัว
การเก็บรักษาแอปเปิ้ลอบแห้ง
แอปเปิ้ลอบแห้งสามารถเก็บได้นานกว่าผลไม้สด หากเก็บในภาชนะที่ปิดสนิทและวางไว้ในที่แห้งและเย็น จะคงความสดอร่อยได้หลายสัปดาห์ หรือหากเก็บในตู้เย็นสามารถยืดอายุการเก็บได้นานยิ่งขึ้น จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการของว่างติดบ้านหรือติดกระเป๋าไว้รับประทาน
แอปเปิ้ลอบแห้งกับการใช้งานในอาหาร
นอกจากการทานเล่น แอปเปิ้ลอบแห้งยังถูกนำไปใช้ในเมนูต่าง ๆ เช่น
-
โรยบนกราโนลาและซีเรียล
-
ผสมในสลัดผลไม้หรือสลัดธัญพืช
-
ใช้เป็นส่วนประกอบในเบเกอรี่ เช่น ขนมปัง เค้ก คุกกี้
-
ต้มกับชาสมุนไพรเพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอม
สตรอว์เบอร์รีอบแห้ง ของว่างสีสวย รสเปรี้ยวหวาน อร่อยเพลินและดีต่อสุขภาพ
สตรอว์เบอร์รีอบแห้ง เป็นหนึ่งในผลไม้อบแห้งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยสีแดงสด รสเปรี้ยวอมหวาน และกลิ่นหอมเฉพาะตัว ทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างชื่นชอบ นอกจากความอร่อยแล้ว สตรอว์เบอร์รีอบแห้งยังอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และไฟเบอร์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เหมาะสำหรับทานเล่น หรือใช้เป็นวัตถุดิบในเบเกอรี่และของหวานต่าง ๆ
คุณค่าทางโภชนาการของสตรอว์เบอร์รีอบแห้ง
สตรอว์เบอร์รีสดเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย เมื่อผ่านการอบแห้งแล้วคุณค่าทางอาหารบางอย่างจะถูกทำให้เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะใยอาหารที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ สตรอว์เบอร์รียังมี กรดโฟลิก ที่ดีต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง และมี แร่ธาตุโพแทสเซียม ที่ช่วยควบคุมความดันโลหิต จึงถือว่าเป็นของว่างเพื่อสุขภาพที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
ประโยชน์ของสตรอว์เบอร์รีอบแห้ง
-
เสริมภูมิคุ้มกัน – ด้วยวิตามินซีสูง ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีขึ้น
-
ต้านอนุมูลอิสระ – มีสารโพลีฟีนอลและแอนโทไซยานิน ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและมะเร็ง
-
ช่วยระบบย่อยอาหาร – ใยอาหารสูง ทำให้การขับถ่ายเป็นปกติ
-
บำรุงผิวพรรณ – วิตามินซีช่วยสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวพรรณสดใส
-
พลังงานดีต่อการใช้ชีวิตประจำวัน – ให้พลังงานในปริมาณที่พอเหมาะ เหมาะสำหรับคนทำงานและนักเรียน
วิธีทำสตรอว์เบอร์รีอบแห้ง
สตรอว์เบอร์รีอบแห้งสามารถทำได้ง่ายที่บ้าน โดยการล้างผลให้สะอาด หั่นครึ่งหรือทั้งลูกตามขนาดที่ต้องการ จากนั้นนำไปอบที่อุณหภูมิต่ำประมาณ 60–70 องศาเซลเซียส ใช้เวลาหลายชั่วโมงจนได้เนื้อแห้งหนึบ หรือถ้าต้องการความกรอบก็อบนานขึ้น บางสูตรนิยมเติมน้ำผึ้งเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความหวานและช่วยให้สีสวยขึ้น
การเก็บรักษาสตรอว์เบอร์รีอบแห้ง
เพื่อคงรสชาติและความสดใหม่ ควรเก็บสตรอว์เบอร์รีอบแห้งไว้ในภาชนะที่ปิดสนิท ป้องกันความชื้นและแสงแดด หากเก็บในที่แห้งและเย็นจะอยู่ได้นานหลายสัปดาห์ แต่หากเก็บในตู้เย็นจะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้มากขึ้น
การนำสตรอว์เบอร์รีอบแห้งไปใช้ในเมนูต่าง ๆ
-
กินเล่นเป็นของว่างระหว่างวัน
-
ผสมในซีเรียลหรือกราโนลา
-
ใช้แต่งหน้าขนม เบเกอรี่ หรือคัพเค้ก
-
โรยหน้าโยเกิร์ตเพื่อเพิ่มรสชาติและสีสัน
-
ใช้ทำของขวัญสุขภาพในโหลแก้วหรือถุงบรรจุภัณฑ์สวย ๆ
ฝรั่งอบแห้ง ของว่างเพื่อสุขภาพ เคี้ยวเพลิน แหล่งวิตามินซีสูง
ฝรั่งอบแห้ง เป็นอีกหนึ่งผลไม้อบแห้งที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในกลุ่มคนรักสุขภาพ ด้วยรสชาติหวานกรอบ เคี้ยวเพลิน และคุณค่าทางโภชนาการที่ยังคงอยู่ครบถ้วน โดยเฉพาะปริมาณวิตามินซีที่สูง ซึ่งเป็นจุดเด่นของฝรั่งสด และยังมีไฟเบอร์สูงที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ฝรั่งอบแห้งจึงเหมาะทั้งสำหรับการทานเล่น หรือใช้ผสมในเมนูขนมและอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติ
คุณค่าทางโภชนาการของฝรั่งอบแห้ง
แม้ผ่านกระบวนการอบแห้งแล้ว ฝรั่งยังคงมีวิตามินซีสูงซึ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์ แคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็กในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย
การทานฝรั่งอบแห้งในปริมาณที่พอเหมาะยังช่วยเติมพลังงานระหว่างวันได้เป็นอย่างดี จึงถือเป็นของว่างที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์
ประโยชน์ของฝรั่งอบแห้ง
-
เสริมภูมิคุ้มกัน – วิตามินซีสูง ช่วยป้องกันหวัดและการติดเชื้อ
-
ช่วยระบบขับถ่าย – ไฟเบอร์สูง ทำให้ระบบลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น
-
ดูแลสุขภาพฟันและเหงือก – วิตามินซีช่วยลดการอักเสบและเสริมความแข็งแรงของเหงือก
-
ช่วยลดน้ำหนัก – ทานแล้วอิ่มนาน ลดการกินจุกจิก
-
บำรุงกระดูกและฟัน – มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูก
วิธีทำฝรั่งอบแห้ง
การทำฝรั่งอบแห้งสามารถทำได้เองที่บ้าน โดยเริ่มจากการล้างฝรั่งสดให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ หรือหั่นแท่งตามต้องการ จากนั้นนำไปอบที่อุณหภูมิ 60–70 องศาเซลเซียส ใช้เวลาหลายชั่วโมงจนเนื้อแห้งและกรอบนุ่มพอดี หากต้องการเพิ่มความหอมและรสชาติ สามารถโรยเกลือหรือน้ำผึ้งเล็กน้อยก่อนอบก็ได้
การเก็บรักษาฝรั่งอบแห้ง
เพื่อคงความสดและรสชาติ ควรเก็บฝรั่งอบแห้งไว้ในภาชนะที่ปิดสนิท และเก็บในที่แห้งและเย็น หากต้องการเก็บได้นานหลายเดือน ควรแช่ในตู้เย็นหรือภาชนะสุญญากาศ เพื่อป้องกันความชื้นและเชื้อรา
การนำฝรั่งอบแห้งไปใช้ในเมนูต่าง ๆ
-
กินเล่นเป็นของว่างเพื่อสุขภาพ
-
ผสมในสลัดหรือซีเรียลเพิ่มรสชาติ
-
ใช้เป็นวัตถุดิบในเบเกอรี่ เช่น เค้กและคุกกี้
-
ใช้ตกแต่งขนมไทยหรือขนมหวานร่วมสมัย
กีวีอบแห้ง ผลไม้สีเขียวรสเปรี้ยวหวาน อร่อยเพลินและดีต่อสุขภาพ
กีวีอบแห้ง เป็นผลไม้อบแห้งที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพ ด้วยสีเขียวสดน่ารับประทาน รสเปรี้ยวหวานลงตัว และเนื้อสัมผัสที่เคี้ยวเพลิน ทำให้เหมาะทั้งสำหรับการทานเล่นและการนำไปใช้ในเมนูอาหารหรือเบเกอรี่ต่าง ๆ นอกจากความอร่อยแล้ว กีวียังเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูง ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระ เมื่อผ่านการอบแห้งก็ยังคงคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อร่างกาย
คุณค่าทางโภชนาการของกีวีอบแห้ง
กีวีสดขึ้นชื่อว่ามีวิตามินซีสูงกว่าส้มหลายเท่า เมื่ออบแห้งแล้วแม้ปริมาณน้ำจะลดลง แต่สารอาหารจำเป็นหลายชนิดยังคงอยู่ เช่น
-
วิตามินซี ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและบำรุงผิวพรรณ
-
ไฟเบอร์สูง ช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย
-
โพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิตและบำรุงหัวใจ
-
โฟเลต มีประโยชน์ต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงและสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์
ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วน กีวีอบแห้งจึงเป็นอีกหนึ่งของว่างที่เหมาะกับคนทุกวัย
ประโยชน์ของกีวีอบแห้ง
-
เสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย – วิตามินซีช่วยป้องกันการเจ็บป่วยและโรคหวัด
-
ดีต่อระบบย่อยอาหาร – ไฟเบอร์สูงช่วยให้ขับถ่ายสะดวก ลดอาการท้องผูก
-
ต้านอนุมูลอิสระ – ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ มะเร็ง และการเสื่อมของเซลล์
-
บำรุงหัวใจและความดันโลหิต – โพแทสเซียมช่วยรักษาสมดุลในร่างกาย
-
ช่วยควบคุมน้ำหนัก – เป็นของว่างแคลอรีไม่สูงมากและทำให้อิ่มนาน
วิธีทำกีวีอบแห้ง
การทำกีวีอบแห้งสามารถทำได้ง่าย โดยล้างกีวีให้สะอาด ปอกเปลือกและหั่นเป็นแว่นบาง ๆ จากนั้นนำไปอบที่อุณหภูมิ 55–65 องศาเซลเซียส ใช้เวลาหลายชั่วโมงจนเนื้อแห้งและเหนียวนุ่มตามต้องการ บางสูตรนิยมโรยน้ำตาลหรือเกลือเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ แต่หากต้องการเวอร์ชันเพื่อสุขภาพ ควรเลือกอบแบบไม่ปรุงแต่ง
การเก็บรักษากีวีอบแห้ง
กีวีอบแห้งควรเก็บไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทและป้องกันความชื้น หากเก็บในที่แห้งและเย็นสามารถอยู่ได้หลายสัปดาห์ แต่หากเก็บในตู้เย็นหรือภาชนะสุญญากาศจะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาให้ยาวนานยิ่งขึ้น
การนำกีวีอบแห้งไปใช้ในเมนูต่าง ๆ
-
ทานเล่นเป็นของว่างเพื่อสุขภาพ
-
ผสมในกราโนลา ซีเรียล หรือโยเกิร์ต
-
ใช้แต่งหน้าขนม เบเกอรี่ และคัพเค้ก
-
ใส่ในสลัดผลไม้เพิ่มสีสันและรสเปรี้ยวหวาน
-
ใช้ประกอบเครื่องดื่ม เช่น ชาผลไม้ หรือสมูทตี้
แครนเบอร์รีอบแห้ง ของว่างสุดเฮลท์ตี้ อร่อยเปรี้ยวหวานและดีต่อหัวใจ
แครนเบอร์รีอบแห้ง (Dried Cranberry) เป็นผลไม้อบแห้งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนรักสุขภาพ ด้วยรสชาติเปรี้ยวหวานที่เป็นเอกลักษณ์และสีแดงสดสวยงาม ทำให้กินเพลินและยังนำไปใช้ในเมนูอาหาร เบเกอรี่ และสลัดได้อย่างหลากหลาย ไม่เพียงแค่อร่อย แต่ยังเต็มไปด้วยสารอาหารและคุณค่าที่ดีต่อร่างกาย โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินหลากชนิดที่ช่วยบำรุงสุขภาพ
คุณค่าทางโภชนาการของแครนเบอร์รีอบแห้ง
แม้ว่าแครนเบอร์รีอบแห้งจะผ่านกระบวนการลดความชื้น แต่ยังคงคุณค่าทางสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น
-
วิตามินซี ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและบำรุงผิวพรรณ
-
ไฟเบอร์สูง ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี
-
สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) เช่น โพลีฟีนอลและฟลาโวนอยด์ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคเรื้อรัง
-
แมงกานีสและทองแดง มีส่วนช่วยในกระบวนการเผาผลาญพลังงานและการสร้างเอนไซม์ที่จำเป็นต่อร่างกาย
ประโยชน์ของแครนเบอร์รีอบแห้ง
-
บำรุงสุขภาพหัวใจ – สารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดการสะสมของไขมันในหลอดเลือด
-
ลดความเสี่ยงการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ – สาร Proanthocyanidins ในแครนเบอร์รีมีส่วนช่วยยับยั้งการเกาะตัวของเชื้อแบคทีเรีย
-
เสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย – วิตามินซีช่วยป้องกันโรคหวัดและการอักเสบ
-
ดีต่อระบบย่อยอาหาร – ไฟเบอร์ช่วยให้ขับถ่ายสะดวกและสมดุลลำไส้
-
ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ – สาร Antioxidants ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งและชะลอวัย
วิธีทำแครนเบอร์รีอบแห้ง
การทำแครนเบอร์รีอบแห้งนิยมใช้ทั้งการอบและการตากแดด โดยเริ่มจากการล้างผลแครนเบอร์รีสดให้สะอาด จากนั้นนำไปแช่น้ำร้อนหรือน้ำเชื่อมเล็กน้อยเพื่อให้ผลแตกตัวและนุ่มขึ้น แล้วจึงนำไปอบที่อุณหภูมิ 60–70 องศาเซลเซียสเป็นเวลาหลายชั่วโมงจนแห้งพอเหมาะ บางสูตรจะโรยน้ำตาลเพื่อเพิ่มรสชาติ แต่หากต้องการแบบสุขภาพควรเลือกสูตรไม่ใส่น้ำตาล
การเก็บรักษาแครนเบอร์รีอบแห้ง
ควรเก็บในภาชนะที่ปิดสนิทและกันความชื้น หากเก็บในที่แห้งและเย็นสามารถอยู่ได้หลายสัปดาห์ แต่หากเก็บในภาชนะสุญญากาศหรือแช่เย็นจะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้ยาวนานขึ้น
การนำแครนเบอร์รีอบแห้งไปใช้ในเมนูอาหาร
-
กินเล่นเป็นของว่างเพื่อสุขภาพ
-
ใส่ในกราโนลา มูสลี่ หรือโยเกิร์ต
-
โรยหน้าเบเกอรี่ เช่น คุกกี้ เค้ก ขนมปัง
-
เพิ่มรสชาติและสีสันในสลัดผักหรือสลัดผลไม้
-
ใช้เป็นส่วนผสมในสมูทตี้หรือเครื่องดื่มสุขภาพ
มะขามอบแห้ง ผลไม้รสเปรี้ยวหวาน เคี้ยวเพลินและดีต่อระบบย่อย
มะขามอบแห้ง เป็นผลไม้อบแห้งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในเรื่องรสชาติ ทั้งเปรี้ยวอมหวาน เคี้ยวหนึบ และมีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ ทำให้ได้รับความนิยมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ มะขามถือเป็นผลไม้ที่คนไทยคุ้นเคยมานาน ไม่ว่าจะนำไปทำอาหารคาว ขนมหวาน หรือน้ำมะขาม และเมื่อแปรรูปเป็นมะขามอบแห้งก็ยิ่งพกพาสะดวก เก็บได้นาน และยังคงคุณค่าทางโภชนาการที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
คุณค่าทางโภชนาการของมะขามอบแห้ง
มะขามมีสารอาหารหลายชนิดที่ยังคงอยู่หลังการอบแห้ง เช่น
-
วิตามินซี เสริมภูมิคุ้มกันและบำรุงผิวพรรณ
-
วิตามินเอ ดีต่อสายตาและผิวหนัง
-
แคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
-
ไฟเบอร์สูง ส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย
-
สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยชะลอวัยและลดความเสี่ยงจากโรคเรื้อรัง
ประโยชน์ของมะขามอบแห้ง
-
ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร – ไฟเบอร์และกรดอินทรีย์ในมะขามช่วยให้ย่อยง่ายและขับถ่ายคล่อง
-
เสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย – วิตามินซีสูงช่วยป้องกันโรคหวัดและการอักเสบ
-
บำรุงสายตาและผิวพรรณ – วิตามินเอช่วยลดปัญหาสายตาและทำให้ผิวดูสุขภาพดี
-
ดีต่อหัวใจและหลอดเลือด – สาร Antioxidants ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
-
เป็นของว่างเพื่อสุขภาพ – แคลอรีไม่สูงมาก เหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก
วิธีทำมะขามอบแห้ง
การทำมะขามอบแห้งเริ่มจากการเลือกมะขามพันธุ์หวานหรือพันธุ์เปรี้ยวที่เนื้อแน่น ล้างให้สะอาด ปอกเปลือกและเอาเส้นใยออก จากนั้นหั่นเป็นชิ้นหรือเก็บเป็นฝักทั้งอัน แล้วนำไปอบที่อุณหภูมิ 55–65 องศาเซลเซียส ใช้เวลาหลายชั่วโมงจนได้เนื้อแห้งหนึบพอเหมาะ บางสูตรอาจคลุกเกลือ น้ำตาล หรือพริกเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ
การเก็บรักษามะขามอบแห้ง
เพื่อคงความสดใหม่ ควรเก็บมะขามอบแห้งไว้ในภาชนะที่ปิดสนิท ป้องกันความชื้นและอากาศ หากเก็บในที่แห้งและเย็นสามารถเก็บได้หลายสัปดาห์ แต่หากเก็บในตู้เย็นหรือบรรจุในถุงสุญญากาศจะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้ยาวนานขึ้น
การนำมะขามอบแห้งไปใช้ในเมนูต่าง ๆ
-
ทานเล่นเป็นของว่างรสเปรี้ยวหวาน
-
คลุกเกลือหรือน้ำตาลเพิ่มรสชาติ
-
ใช้ทำเป็นไส้ขนมไทยหรือเบเกอรี่
-
ใส่ในน้ำผลไม้หรือชาสมุนไพรเพื่อเพิ่มความเปรี้ยวสดชื่น
-
ใช้เป็นของฝากหรือของกินเล่นเพื่อสุขภาพ
2. ผักอบแห้ง
ผักอบแห้งหรือผักอบกรอบเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนไม่ชอบกินผักสด เพราะมีรสชาติอร่อย เคี้ยวเพลิน และยังเก็บได้นาน ตัวอย่างเช่น
แครอทอบกรอบ ของว่างเพื่อสุขภาพ กรอบอร่อย เคี้ยวเพลิน
แครอทอบกรอบ เป็นของว่างเพื่อสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยม ด้วยรสหวานธรรมชาติจากแครอท เนื้อกรอบและเคี้ยวเพลิน เหมาะสำหรับคนทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้ที่รักสุขภาพ การทานแครอทอบกรอบเป็นทางเลือกที่ดีต่อร่างกายเพราะเต็มไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ แถมยังเป็นของว่างที่แคลอรีต่ำ ทำให้สามารถเพลิดเพลินโดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนัก
คุณค่าทางโภชนาการของแครอทอบกรอบ
แครอทขึ้นชื่อเรื่อง เบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ อีกทั้งยังมี วิตามินซี, วิตามินเค, โพแทสเซียม และไฟเบอร์ ที่มีประโยชน์ต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่ออบแห้งเป็นแครอทอบกรอบแล้วสารอาหารบางชนิดจะถูกเข้มข้นขึ้น ทำให้สามารถทานของว่างน้อย ๆ แต่ได้ประโยชน์สูง
ประโยชน์ของแครอทอบกรอบ
-
บำรุงสายตา – เบต้าแคโรทีนช่วยตาไม่ล้าและลดความเสี่ยงสายตาเสื่อม
-
เสริมภูมิคุ้มกัน – วิตามินเอและซีช่วยป้องกันการติดเชื้อ
-
ดีต่อระบบย่อยอาหาร – ไฟเบอร์สูงช่วยให้ขับถ่ายเป็นปกติ
-
ควบคุมน้ำหนัก – แคลอรีต่ำ ทำให้กินเพลินโดยไม่เพิ่มน้ำหนัก
-
บำรุงผิวพรรณ – วิตามินเอและสารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ผิวเนียนใส
วิธีทำแครอทอบกรอบ
การทำแครอทอบกรอบที่บ้านทำได้ง่าย เริ่มจากการล้างแครอทให้สะอาด ปอกเปลือกและหั่นเป็นแว่นบาง ๆ หรือแท่งตามต้องการ จากนั้นนำไปอบที่อุณหภูมิประมาณ 60–70 องศาเซลเซียส ใช้เวลาหลายชั่วโมงจนได้เนื้อกรอบตามต้องการ สำหรับสูตรสุขภาพไม่ควรใส่น้ำมันหรือเกลือมากเกินไป แต่หากต้องการรสชาติพิเศษสามารถโรยเกลือเล็กน้อยหรืออบกับสมุนไพร เช่น โรสแมรี่
การเก็บรักษาแครอทอบกรอบ
เพื่อคงความกรอบและสดใหม่ ควรเก็บแครอทอบกรอบในภาชนะที่ปิดสนิทและวางในที่แห้งและเย็น สามารถเก็บได้นานหลายสัปดาห์ หากเก็บในถุงสุญญากาศหรือแช่ตู้เย็นจะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้นานยิ่งขึ้น
การนำแครอทอบกรอบไปใช้ในเมนูต่าง ๆ
-
ทานเล่นเป็นของว่างระหว่างวัน
-
โรยในสลัดผักหรือสลัดผลไม้ เพิ่มรสชาติและสีสัน
-
ผสมในกราโนลา มูสลี่ หรือโยเกิร์ต
-
ใช้ตกแต่งเบเกอรี่ เช่น ขนมปัง คุกกี้ หรือเค้ก
-
ทำเป็นของว่างเพื่อสุขภาพสำหรับเด็กหรือพกติดกระเป๋า
ฟักทองอบกรอบ ของว่างสุขภาพ กรอบอร่อย อุดมคุณค่า
ฟักทองอบกรอบ เป็นของว่างเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมมาก ด้วยรสหวานธรรมชาติจากฟักทอง เนื้อกรอบ เคี้ยวเพลิน และสามารถเก็บได้นาน ทำให้เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้ที่รักสุขภาพ ฟักทองอบกรอบไม่เพียงอร่อย แต่ยังเต็มไปด้วย วิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ ที่ช่วยบำรุงร่างกาย
คุณค่าทางโภชนาการของฟักทองอบกรอบ
ฟักทองมีคุณค่าทางอาหารสูง โดยเฉพาะ เบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ นอกจากนี้ยังมี:
-
วิตามินซี เสริมภูมิคุ้มกัน
-
วิตามินอี ต้านอนุมูลอิสระ
-
โพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต
-
ไฟเบอร์สูง ดีต่อระบบย่อยอาหาร
เมื่อผ่านกระบวนการอบแห้งเป็นฟักทองอบกรอบ สารอาหารบางส่วนจะเข้มข้นขึ้น ทำให้ทานของว่างน้อย ๆ แต่ได้ประโยชน์สูง
ประโยชน์ของฟักทองอบกรอบ
-
บำรุงสายตา – เบต้าแคโรทีนช่วยลดความเสื่อมของดวงตา
-
เสริมภูมิคุ้มกัน – วิตามินเอและซีช่วยป้องกันการติดเชื้อ
-
ดีต่อระบบย่อยอาหาร – ไฟเบอร์ช่วยขับถ่ายเป็นปกติ
-
ควบคุมน้ำหนัก – แคลอรีต่ำ ทานเพลินโดยไม่อ้วน
-
ต้านอนุมูลอิสระ – วิตามินอีช่วยชะลอวัยและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง
วิธีทำฟักทองอบกรอบ
เริ่มจากการล้างฟักทองให้สะอาด ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ หรือแท่งตามต้องการ จากนั้นนำไปอบที่อุณหภูมิ 60–70 องศาเซลเซียส ใช้เวลาหลายชั่วโมงจนเนื้อกรอบพอดี สามารถอบโดยไม่ใส่น้ำมันเพื่อสุขภาพ หรือเพิ่มเกลือเล็กน้อยและโรยเครื่องเทศเพื่อเพิ่มรสชาติ
การเก็บรักษาฟักทองอบกรอบ
ควรเก็บฟักทองอบกรอบในภาชนะที่ปิดสนิทและวางในที่แห้งและเย็น เพื่อคงความกรอบและความสดใหม่ หากเก็บในถุงสุญญากาศหรือแช่ตู้เย็นจะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้นานหลายสัปดาห์
การนำฟักทองอบกรอบไปใช้ในเมนูต่าง ๆ
-
ทานเล่นเป็นของว่างเพื่อสุขภาพ
-
โรยบนสลัดผักหรือสลัดผลไม้ เพิ่มความกรอบและรสชาติ
-
ผสมในกราโนลา มูสลี่ หรือโยเกิร์ต
-
ตกแต่งเบเกอรี่ เช่น เค้ก คุกกี้ หรือขนมปัง
-
พกพาเป็นของว่างระหว่างวันหรือใส่กระเป๋าไปทำงาน
บรอกโคลีอบกรอบ ของว่างเพื่อสุขภาพ กรอบอร่อย เคี้ยวเพลิน
บรอกโคลีอบกรอบ เป็นของว่างเพื่อสุขภาพที่ทั้งกรอบ อร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ด้วยสีเขียวสดและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ เด็ก และผู้ใหญ่ ที่ต้องการของว่างที่ไม่หวานเกินไปและแคลอรีต่ำ บรอกโคลีอบกรอบไม่เพียงอร่อย แต่ยังเต็มไปด้วย วิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ ที่ช่วยบำรุงร่างกาย
คุณค่าทางโภชนาการของบรอกโคลีอบกรอบ
บรอกโคลีเป็นผักที่มีสารอาหารครบถ้วน โดยเฉพาะ:
-
วิตามินซีสูง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
-
วิตามินเค ดีต่อการแข็งตัวของเลือดและกระดูก
-
แคลเซียมและโพแทสเซียม บำรุงกระดูกและหัวใจ
-
ไฟเบอร์สูง ดีต่อระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย
-
สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ซัลโฟราเฟน ช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง
เมื่ออบแห้งเป็นบรอกโคลีอบกรอบ สารอาหารหลายชนิดยังคงอยู่ครบถ้วน ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับของว่างเพียงเล็กน้อยแต่ได้ประโยชน์เต็ม ๆ
ประโยชน์ของบรอกโคลีอบกรอบ
-
เสริมภูมิคุ้มกัน – วิตามินซีช่วยป้องกันโรคหวัดและติดเชื้อ
-
ดีต่อกระดูกและฟัน – วิตามินเคและแคลเซียมช่วยเสริมความแข็งแรง
-
บำรุงระบบย่อยอาหาร – ไฟเบอร์ช่วยให้ขับถ่ายสะดวก
-
ต้านอนุมูลอิสระ – ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและมะเร็ง
-
ช่วยควบคุมน้ำหนัก – แคลอรีต่ำ แต่ให้ความอิ่มเพลิน
วิธีทำบรอกโคลีอบกรอบ
เริ่มจากล้างบรอกโคลีให้สะอาด แยกเป็นช่อเล็ก ๆ และซับน้ำให้แห้ง จากนั้นนำไปอบที่อุณหภูมิ 60–70 องศาเซลเซียสประมาณ 2–3 ชั่วโมงจนกรอบพอดี สามารถปรุงรสด้วยเกลือ น้ำมันมะกอก หรือเครื่องเทศเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติโดยไม่เสียสุขภาพ
การเก็บรักษาบรอกโคลีอบกรอบ
ควรเก็บบรอกโคลีอบกรอบในภาชนะที่ปิดสนิทและวางในที่แห้งและเย็น เพื่อคงความกรอบและคุณค่า หากเก็บในถุงสุญญากาศหรือแช่ตู้เย็น จะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้หลายสัปดาห์
การนำบรอกโคลีอบกรอบไปใช้ในเมนูต่าง ๆ
-
กินเล่นเป็นของว่างเพื่อสุขภาพ
-
โรยบนสลัดผักหรือสลัดผลไม้ เพิ่มความกรอบและสีสัน
-
ผสมในกราโนลา มูสลี่ หรือโยเกิร์ต
-
ใช้ตกแต่งเบเกอรี่หรืออาหารคาว เช่น ข้าวอบกรอบ
-
พกเป็นของว่างระหว่างวันสำหรับเด็กหรือทำงาน
เห็ดหอมอบแห้ง วัตถุดิบสุขภาพ อร่อยครบรส เพิ่มอูมามิในทุกเมนู
เห็ดหอมอบแห้ง เป็นวัตถุดิบที่นิยมในครัวไทยและต่างประเทศ ด้วยรสชาติที่เข้มข้น กลิ่นหอม และความสามารถในการเก็บรักษาได้นาน เหมาะสำหรับทั้งเมนูอาหารไทย จีน ญี่ปุ่น และยุโรป เห็ดหอมอบแห้งยังถือเป็นวัตถุดิบเพื่อสุขภาพ เพราะเต็มไปด้วย โปรตีน ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้สามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลาย และเพิ่มรสชาติอูมามิให้กับทุกจาน
คุณค่าทางโภชนาการของเห็ดหอมอบแห้ง
เห็ดหอมอบแห้งอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น
-
โปรตีนจากพืช ช่วยสร้างและซ่อมแซมเซลล์
-
ไฟเบอร์สูง ช่วยระบบย่อยอาหารและขับถ่ายสะดวก
-
วิตามินบีรวม ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทและพลังงาน
-
สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ช่วยชะลอวัยและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง
-
โพแทสเซียมและธาตุเหล็ก บำรุงหัวใจและเลือด
ประโยชน์ของเห็ดหอมอบแห้ง
-
เสริมภูมิคุ้มกัน – มีสารเบต้ากลูแคนและสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันโรค
-
บำรุงหัวใจและหลอดเลือด – ช่วยลดคอเลสเตอรอลและความดันโลหิต
-
ดีต่อระบบย่อยอาหาร – ไฟเบอร์สูงช่วยให้ขับถ่ายสะดวก
-
ช่วยชะลอวัย – สารต้านอนุมูลอิสระลดการเสื่อมของเซลล์
-
เพิ่มรสชาติอาหาร – อูมามิธรรมชาติ ทำให้อาหารอร่อยไม่ต้องปรุงเยอะ
วิธีใช้และการแช่น้ำเห็ดหอมอบแห้ง
ก่อนนำไปทำอาหาร เห็ดหอมอบแห้งควร แช่น้ำอุ่นประมาณ 20–30 นาที จนเนื้อเห็ดนุ่มและคืนความชุ่มชื้น จากนั้นใช้ในเมนูต่าง ๆ เช่น
-
ซุป แกงจืด ต้มจืด
-
ผัดเห็ดหอมกับผักหรือเนื้อสัตว์
-
ทำสตูว์หรืออาหารตุ๋น
-
ใช้เป็นเครื่องปรุงรสแทนผงชูรสด้วยความอูมามิธรรมชาติ
น้ำแช่เห็ดหอมสามารถกรองและใช้ทำซุปเพิ่มรสชาติให้เข้มข้นโดยไม่ต้องใส่ผงปรุงรส
การเก็บรักษาเห็ดหอมอบแห้ง
เห็ดหอมอบแห้งสามารถเก็บในภาชนะปิดสนิท วางในที่แห้งและเย็น เพื่อคงความหอมและรสชาติ หากเก็บในถุงสุญญากาศหรือแช่ในตู้เย็น สามารถเก็บได้นานหลายเดือนโดยไม่เสียคุณภาพ
การนำเห็ดหอมอบแห้งไปใช้ในเมนูต่าง ๆ
-
ซุปและแกงจืดเพิ่มรสชาติอูมามิ
-
ผัดผักหรือผัดเนื้อสัตว์
-
เมนูตุ๋นหรือสตูว์
-
เมนูอาหารคลีนและสุขภาพ
-
ใช้เป็นเครื่องปรุงในอาหารวีแกนแทนเนื้อสัตว์
3. เนื้อสัตว์อบแห้ง
อีกหนึ่งหมวดที่ได้รับความนิยมคือเนื้อสัตว์อบแห้ง เพราะให้โปรตีนสูง เหมาะสำหรับคนที่ออกกำลังกายหรือชอบของทานเล่นรสเข้มข้น เช่น
เนื้ออบแห้ง (Beef Jerky) ของว่างโปรตีนสูง เค็มนิด ๆ หอมเครื่องเทศ
เนื้ออบแห้ง (Beef Jerky) เป็นของว่างที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยรสชาติเค็มเล็กน้อยและกลิ่นหอมของเครื่องเทศ ทำให้ทานเพลินและเก็บได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น เหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกาย นักเดินทาง หรือใครก็ตามที่กำลังมองหาของว่างแคลอรีต่ำแต่ให้ โปรตีนสูง
คุณค่าทางโภชนาการของเนื้ออบแห้ง
เนื้ออบแห้งอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด โดยเฉพาะ:
-
โปรตีนสูง ช่วยสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
-
วิตามินบีรวม ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญและพลังงาน
-
ธาตุเหล็ก บำรุงเลือดและป้องกันภาวะโลหิตจาง
-
โพแทสเซียมและสังกะสี เสริมภูมิคุ้มกันและสุขภาพกระดูก
แม้ว่าเนื้ออบแห้งจะมีรสเค็มเล็กน้อย แต่หากทานในปริมาณเหมาะสม จะได้ทั้งรสชาติอร่อยและคุณค่าทางอาหาร
ประโยชน์ของเนื้ออบแห้ง
-
เสริมโปรตีนสำหรับกล้ามเนื้อ – เหมาะกับนักกีฬาและผู้รักการออกกำลังกาย
-
ให้พลังงานทันที – โปรตีนและแร่ธาตุช่วยเติมพลังระหว่างวัน
-
สะดวกในการพกพา – เก็บได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น
-
ดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน – สังกะสีและวิตามินบีช่วยเสริมการทำงานของร่างกาย
-
ทางเลือกของว่างแคลอรีต่ำ – เหมาะสำหรับผู้ควบคุมน้ำหนัก
วิธีทำเนื้ออบแห้ง
การทำเนื้ออบแห้งเริ่มจากการเลือกเนื้อคุณภาพดี เช่น เนื้อวัวส่วนสะโพกหรือสันนอก หั่นเป็นเส้นหรือแผ่นบาง ๆ จากนั้นหมักกับเกลือ น้ำตาล น้ำมันงา ซอสถั่วเหลือง และเครื่องเทศต่าง ๆ เช่น พริกไทย กระเทียม หรือเครื่องเทศสูตรพิเศษของแต่ละร้าน หมักทิ้งไว้หลายชั่วโมงเพื่อให้รสซึมเข้าเนื้อ จากนั้นอบด้วยอุณหภูมิต่ำ 60–70 องศาเซลเซียส จนเนื้อแห้งแต่ยังคงความนุ่มหนึบ
การเก็บรักษาเนื้ออบแห้ง
ควรเก็บเนื้ออบแห้งในภาชนะปิดสนิทและวางในที่แห้งและเย็น สามารถเก็บได้นานหลายสัปดาห์ หากใช้ถุงสุญญากาศหรือเก็บในตู้เย็น จะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้นานขึ้น
การนำเนื้ออบแห้งไปใช้
-
กินเล่นเป็นของว่างระหว่างวัน
-
ใช้เป็นของว่างพกพาสำหรับนักเดินทาง นักศึกษา หรือคนทำงาน
-
ตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ในสลัดหรือแซนด์วิช
-
ใช้เป็นส่วนผสมในเมนูอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติและโปรตีน
หมูแดดเดียวอบแห้ง ของว่างกรุบอร่อย เก็บง่าย พกสะดวก
หมูแดดเดียวอบแห้ง เป็นของว่างยอดนิยมของคนไทย ด้วยรสชาติหวานเค็มกำลังดี เคี้ยวมันและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ทำให้เป็นที่ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ การอบหมูแดดเดียวช่วยถนอมอาหาร ทำให้เก็บได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น เหมาะสำหรับพกพาเป็นของว่าง หรือใช้เป็นวัตถุดิบในการทำเมนูผัด ทอด หรือยำ
คุณค่าทางโภชนาการของหมูแดดเดียวอบแห้ง
หมูแดดเดียวอบแห้งอุดมด้วยสารอาหารสำคัญ เช่น
-
โปรตีนสูง ช่วยสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
-
ไขมันบางส่วน ให้พลังงานและรสชาติ
-
วิตามินบีรวม ช่วยระบบเผาผลาญและสร้างพลังงาน
-
ธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือด
การอบแห้งทำให้หมูคงคุณค่าอาหารและเพิ่มความหนึบกรุบอร่อย
ประโยชน์ของหมูแดดเดียวอบแห้ง
-
เสริมโปรตีนและพลังงาน – เหมาะกับคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา และนักเดินทาง
-
เก็บง่าย พกสะดวก – ของว่างที่ไม่ต้องแช่เย็น
-
อร่อย เคี้ยวเพลิน – รสชาติหวานเค็มกำลังดี
-
สามารถปรุงเมนูได้หลายแบบ – ใช้ผัด ทอด หรือทำยำ เพิ่มรสชาติให้อาหาร
-
ทางเลือกของว่างสำหรับทุกวัย – เหมาะทั้งเด็กและผู้ใหญ่
วิธีทำหมูแดดเดียวอบแห้ง
-
เลือกเนื้อหมูคุณภาพดี เช่น สันนอก สันคอ หรือสะโพก หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ
-
หมักเนื้อหมูกับ เกลือ น้ำตาล น้ำปลา และเครื่องเทศ เช่น พริกไทย กระเทียม ทิ้งไว้ประมาณ 2–3 ชั่วโมงให้รสซึมเข้าเนื้อ
-
ตากแดดหรืออบในเตาอบอุณหภูมิต่ำจนเนื้อหมูแห้งกรอบแต่ยังคงความนุ่มหนึบ
-
หลังจากอบเสร็จ สามารถเก็บในถุงหรือกล่องปิดสนิท
การเก็บรักษาหมูแดดเดียวอบแห้ง
เก็บหมูแดดเดียวอบแห้งใน ภาชนะปิดสนิทและวางในที่แห้ง เพื่อคงความกรอบและรสชาติ หากเก็บในถุงสุญญากาศหรือแช่ตู้เย็นสามารถเก็บได้นานหลายสัปดาห์
การนำหมูแดดเดียวอบแห้งไปใช้
-
กินเล่นเป็นของว่างระหว่างวัน
-
ผัดกับกระเทียมพริกไทย หรือทอดกรอบ
-
ทำยำหมูแดดเดียว เพิ่มรสชาติเปรี้ยวหวาน
-
ใช้เป็นของว่างพกพาในการเดินทางหรือทำงาน
กุ้งแห้ง วัตถุดิบยอดนิยม อร่อย เค็มกลมกล่อม ใช้ได้หลากหลายเมนู
กุ้งแห้ง เป็นวัตถุดิบสำคัญของอาหารไทยและเอเชีย มีรสเค็มกลมกล่อม กลิ่นหอมของทะเล ทำให้เมนูต่าง ๆ มีรสชาติอร่อยมากขึ้น กุ้งแห้งยังเป็นแหล่ง โปรตีนสูง แคลเซียม และแร่ธาตุ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ทั้งใช้ปรุงอาหารหรือทานเล่น
คุณค่าทางโภชนาการของกุ้งแห้ง
กุ้งแห้งอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด ได้แก่:
-
โปรตีนสูง ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
-
แคลเซียม บำรุงกระดูกและฟัน
-
ธาตุเหล็ก เสริมการทำงานของเลือด
-
วิตามินบีรวม ช่วยระบบเผาผลาญและพลังงาน
กุ้งแห้งเป็นของว่างหรือวัตถุดิบปรุงอาหารที่ให้คุณค่าอาหารสูง โดยเฉพาะเมื่อต้องการเสริมโปรตีนและแร่ธาตุ
ประโยชน์ของกุ้งแห้ง
-
เสริมโปรตีนและแคลเซียม – ดีต่อเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ
-
ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน – แคลเซียมสูงและธาตุอาหารครบ
-
สะดวกในการใช้งาน – เก็บได้นาน และใช้ปรุงอาหารได้หลากหลาย
-
เพิ่มรสชาติอาหาร – กลิ่นหอมและรสเค็มกลมกล่อมช่วยเพิ่มอูมามิ
-
เป็นวัตถุดิบอาหารไทยยอดนิยม – เช่น น้ำพริก ต้มจืด ข้าวผัด และยำ
วิธีใช้กุ้งแห้ง
-
ใช้ปรุงอาหาร – นำไปผัด ทอด หรือต้มเพื่อเพิ่มรสชาติ
-
ต้มแช่น้ำก่อนปรุง – สำหรับเมนูซุปหรือต้มจืด
-
ใช้ทำของว่าง – ผสมกับถั่วหรือทำกุ้งอบกรอบ
-
โรยหน้าสลัดหรือข้าว – เพิ่มรสชาติอร่อยเค็มกลมกล่อม
การเก็บรักษากุ้งแห้ง
เพื่อคงความกรอบและรสชาติ ควรเก็บกุ้งแห้งใน ภาชนะปิดสนิทและวางในที่แห้ง หากเก็บในถุงสุญญากาศหรือแช่ตู้เย็น จะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้นานหลายเดือน
การนำกุ้งแห้งไปใช้ในเมนูต่าง ๆ
-
น้ำพริกกะปิกุ้งสด
-
ข้าวผัดกุ้งแห้ง
-
ต้มจืดหรือแกงจืด
-
ยำกุ้งแห้ง
-
ของว่างทานเล่น เช่น กุ้งอบกรอบ
ปลาแห้ง ของว่างและวัตถุดิบไทย รสเค็มหอม พร้อมเมนูหลากหลาย
ปลาแห้ง เป็นหนึ่งในวัตถุดิบและของว่างที่นิยมในครัวไทย มีรสเค็มธรรมชาติ กลิ่นหอม และเก็บได้นาน สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น ต้ม ผัด ยำ หรือนำมาทานเล่น ปลาแห้งมีหลายประเภท เช่น ปลาสลิด ปลาทูแห้ง และอื่น ๆ ที่นิยมในครัวเรือนไทย
คุณค่าทางโภชนาการของปลาแห้ง
ปลาแห้งอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด ได้แก่:
-
โปรตีนสูง ช่วยสร้างและซ่อมแซมเซลล์และกล้ามเนื้อ
-
กรดไขมันโอเมก้า-3 ดีต่อหัวใจและสมอง
-
แคลเซียมและฟอสฟอรัส บำรุงกระดูกและฟัน
-
วิตามินบีรวม ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญ
-
ธาตุเหล็ก ช่วยเสริมการทำงานของเลือด
การอบหรือแห้งปลาไม่เพียงช่วยถนอมอาหาร แต่ยังคงคุณค่าทางโภชนาการไว้สูง
ประโยชน์ของปลาแห้ง
-
เสริมโปรตีนและแร่ธาตุ – ดีต่อเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ
-
บำรุงสมองและหัวใจ – โอเมก้า-3 ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
-
ช่วยเสริมกระดูกและฟัน – แคลเซียมสูง ช่วยให้กระดูกแข็งแรง
-
สะดวกและเก็บได้นาน – เหมาะสำหรับทำอาหารและเป็นของว่าง
-
เพิ่มรสชาติอาหาร – รสเค็มและกลิ่นหอมช่วยเพิ่มอูมามิในเมนู
วิธีใช้ปลาแห้ง
-
ต้มจืดหรือแกง – ใส่ปลาแห้งเพื่อเพิ่มรสชาติ
-
ผัดกับเครื่องเทศหรือผัก – ทานเป็นอาหารจานหลัก
-
ยำปลาแห้ง – เพิ่มรสชาติเค็มกรอบเข้ากับผักสด
-
ทานเล่น – ปิ้งหรือทอดกรอบทานกับข้าวเหนียว
ก่อนปรุงบางเมนู อาจ ล้างหรือแช่น้ำ เพื่อให้อ่อนตัวและลดความเค็ม
การเก็บรักษาปลาแห้ง
เพื่อคงความกรอบและรสชาติ ควรเก็บปลาแห้งใน ภาชนะปิดสนิท และวางในที่แห้ง หากเก็บในถุงสุญญากาศหรือแช่ในตู้เย็น สามารถยืดอายุการเก็บรักษาได้หลายเดือน
การนำปลาแห้งไปใช้ในเมนูต่าง ๆ
-
ผัดปลาแห้งกับกระเทียมและพริก
-
ต้มจืดใส่ผักและเต้าหู้
-
ยำปลาแห้งใส่มะม่วงสุกหรือมะละกอ
-
ของว่างทานเล่น ปิ้งกรอบทานกับข้าวเหนียว
-
เพิ่มรสชาติอาหารไทยหลากหลายเมนู
ปลาหมึกแห้ง ของว่างทะเลยอดนิยม กรอบอร่อย เค็มหวานพอดี
ปลาหมึกแห้ง เป็นของว่างทะเลที่หลายคนชื่นชอบ ด้วยรสชาติหวานเค็มกลมกล่อม มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เคี้ยวเพลิน และเก็บได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น ทำให้ปลาหมึกแห้งเป็นที่นิยมทั้งในรูปแบบของว่างทานเล่น และใช้ปรุงอาหารเมนูต่าง ๆ เช่น ผัด ยำ หรือต้ม
คุณค่าทางโภชนาการของปลาหมึกแห้ง
ปลาหมึกแห้งอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น:
-
โปรตีนสูง ช่วยสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
-
วิตามินบีรวม ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญและพลังงาน
-
แร่ธาตุสำคัญ เช่น สังกะสี โพแทสเซียม และธาตุเหล็ก ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและบำรุงเลือด
-
ไขมันต่ำ ทำให้เป็นของว่างแคลอรีต่ำ
ปลาหมึกแห้งจึงเป็นทั้งของว่างอร่อยและวัตถุดิบเพื่อสุขภาพ
ประโยชน์ของปลาหมึกแห้ง
-
เสริมโปรตีนสูง – ดีต่อเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้ที่ออกกำลังกาย
-
บำรุงกระดูกและฟัน – มีแคลเซียมและแร่ธาตุหลายชนิด
-
ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน – สังกะสีและธาตุอาหารช่วยต้านโรค
-
สะดวกและเก็บได้นาน – พกพาเป็นของว่างได้ทุกเวลา
-
เพิ่มรสชาติอาหาร – รสหวานเค็มช่วยเพิ่มอูมามิให้เมนูอาหาร
วิธีใช้ปลาหมึกแห้ง
-
ทานเล่น – ปิ้งหรืออบกรอบ เพิ่มรสชาติด้วยพริกน้ำตาล
-
ปรุงอาหาร – ใช้ผัด ยำ หรือต้มกับซุปเพื่อเพิ่มรสชาติ
-
ใส่เป็นเครื่องเคียง – โรยในสลัดหรือข้าวผัดเพื่อเพิ่มความกรอบและรสชาติ
-
แช่น้ำก่อนปรุง – สำหรับเมนูต้มและสตูว์เพื่อให้นุ่มขึ้น
การเก็บรักษาปลาหมึกแห้ง
ควรเก็บปลาหมึกแห้งใน ภาชนะปิดสนิท วางในที่แห้งและเย็น เพื่อคงความกรอบและกลิ่นหอม การเก็บในถุงสุญญากาศหรือแช่ตู้เย็นสามารถยืดอายุได้หลายเดือน
การนำปลาหมึกแห้งไปใช้ในเมนูต่าง ๆ
-
ยำปลาหมึกแห้งเพิ่มรสชาติเปรี้ยวหวาน
-
ผัดปลาหมึกแห้งกับกระเทียม พริก และซอส
-
ปิ้งหรืออบกรอบทานเล่นเป็นของว่าง
-
ต้มสตูว์หรือซุปทะเลเพิ่มกลิ่นอูมามิ
-
ใส่ในสลัดและข้าวผัดเพื่อความกรอบและรสชาติเค็มหวาน
4. ถั่วและขนมอบแห้ง
นอกจากผลไม้และเนื้อสัตว์แล้ว ถั่วอบแห้ง และ ขนมอบกรอบ ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน เช่น
อัลมอนด์อบ ของว่างเพื่อสุขภาพ หอมมัน เคี้ยวเพลิน
อัลมอนด์อบ เป็นของว่างยอดนิยมที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ ด้วยรสชาติหอมมัน เคี้ยวเพลิน และสามารถพกพาได้สะดวก อัลมอนด์อบเป็นแหล่ง โปรตีน ไขมันดี ไฟเบอร์ และวิตามินอี ที่ช่วยเสริมสุขภาพหัวใจ ระบบประสาท และความงามของผิวพรรณ ทำให้เหมาะกับทุกวัย ไม่ว่าจะทานเล่นหรือใช้เป็นส่วนประกอบในเมนูอาหาร
คุณค่าทางโภชนาการของอัลมอนด์อบ
อัลมอนด์อบอุดมด้วยสารอาหารสำคัญหลายชนิด เช่น:
-
โปรตีนสูง ช่วยสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
-
ไขมันดี (โอเมก้า-3 และโอเมก้า-6) ช่วยลดคอเลสเตอรอลและบำรุงหัวใจ
-
ไฟเบอร์สูง ดีต่อระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย
-
วิตามินอี ต้านอนุมูลอิสระและช่วยบำรุงผิวพรรณ
-
แมกนีเซียมและแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
ด้วยคุณค่าทางโภชนาการเหล่านี้ อัลมอนด์อบจึงเป็นของว่างที่เหมาะกับผู้ที่รักสุขภาพและต้องการเสริมพลังงานระหว่างวัน
ประโยชน์ของอัลมอนด์อบ
-
บำรุงหัวใจ – ไขมันดีช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
-
ช่วยควบคุมน้ำหนัก – ไฟเบอร์และโปรตีนช่วยให้อิ่มนาน
-
บำรุงผิวพรรณ – วิตามินอีช่วยชะลอริ้วรอย
-
เสริมสมองและความจำ – แมกนีเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระช่วยการทำงานของสมอง
-
สะดวกและพกพาง่าย – เป็นของว่างทานเล่น หรือใส่ในสลัด ซีเรียล และโยเกิร์ต
วิธีทำอัลมอนด์อบ
-
เตรียมอัลมอนด์สดหรืออบดิบ
-
โรยเกลือเล็กน้อยหรือน้ำมันมะกอกเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ
-
นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 150–170 องศาเซลเซียส ประมาณ 10–15 นาที จนหอมและกรอบ
-
ปล่อยให้เย็นก่อนเก็บใส่ภาชนะปิดสนิท
สามารถปรับรสชาติด้วย ผงช็อกโกแลต น้ำผึ้ง หรือเครื่องเทศ เพื่อความหลากหลาย
การเก็บรักษาอัลมอนด์อบ
เก็บอัลมอนด์อบใน ภาชนะปิดสนิทและวางในที่แห้งและเย็น จะช่วยคงความกรอบและรสชาติได้หลายสัปดาห์ หากต้องการเก็บได้นานขึ้น สามารถแช่ตู้เย็นได้
การนำอัลมอนด์อบไปใช้ในเมนูต่าง ๆ
-
ของว่างทานเล่นระหว่างวัน
-
โรยบนสลัด ซีเรียล หรือโยเกิร์ต
-
ใส่ในเบเกอรี่หรือขนมเพื่อเพิ่มความกรอบ
-
ผสมกับถั่วชนิดอื่นหรือผลไม้แห้งเพื่อเป็นสแน็คสุขภาพ
-
ใช้ทำของว่างสำหรับเด็กหรือผู้สูงอายุ
ถั่วลิสงอบ ของว่างเพื่อสุขภาพ หอมมัน เคี้ยวเพลิน
ถั่วลิสงอบ เป็นของว่างยอดนิยมที่ทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ ด้วยรสชาติหอมมัน เคี้ยวเพลิน สามารถทานเล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ถั่วลิสงอบเป็นแหล่ง โปรตีน ไขมันดี ไฟเบอร์ และวิตามินอี ช่วยเสริมพลังงาน บำรุงหัวใจ และเป็นของว่างเพื่อสุขภาพที่สะดวกในการพกพา
คุณค่าทางโภชนาการของถั่วลิสงอบ
ถั่วลิสงอบอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญ ได้แก่:
-
โปรตีนสูง ช่วยสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
-
ไขมันดี (โอเมก้า-3 และโอเมก้า-6) ช่วยลดคอเลสเตอรอลและบำรุงหัวใจ
-
ไฟเบอร์ ดีต่อระบบย่อยอาหารและช่วยให้อิ่มนาน
-
วิตามินอีและแมกนีเซียม ช่วยชะลอริ้วรอยและเสริมการทำงานของระบบประสาท
-
ธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือด
ด้วยคุณค่าทางโภชนาการเหล่านี้ ถั่วลิสงอบจึงเป็นของว่างที่เหมาะกับผู้ที่รักสุขภาพและต้องการเสริมพลังงานระหว่างวัน
ประโยชน์ของถั่วลิสงอบ
-
บำรุงหัวใจและหลอดเลือด – ไขมันดีช่วยลดคอเลสเตอรอล
-
ควบคุมน้ำหนัก – โปรตีนและไฟเบอร์ช่วยให้อิ่มนาน
-
บำรุงผิวพรรณและสมอง – วิตามินอีและแมกนีเซียมช่วยชะลอวัยและเสริมสมอง
-
สะดวกและพกพาง่าย – เป็นของว่างทานเล่น หรือใส่ในเมนูสลัด ซีเรียล และโยเกิร์ต
-
เพิ่มรสชาติอาหาร – ใช้โรยขนมหรือทำของว่างผสมกับผลไม้แห้ง
วิธีทำถั่วลิสงอบ
-
เตรียมถั่วลิสงสดหรืออบดิบ
-
โรยเกลือเล็กน้อยหรือน้ำมันเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ
-
นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 150–170 องศาเซลเซียส ประมาณ 10–15 นาที จนหอมและกรอบ
-
ปล่อยให้เย็นก่อนเก็บใส่ภาชนะปิดสนิท
สามารถปรับรสชาติด้วย ผงเครื่องเทศ น้ำตาล น้ำผึ้ง หรือซอสต่าง ๆ เพื่อความหลากหลาย
การเก็บรักษาถั่วลิสงอบ
เก็บถั่วลิสงอบใน ภาชนะปิดสนิทและวางในที่แห้งและเย็น จะช่วยคงความกรอบและรสชาติได้นานหลายสัปดาห์ หากต้องการเก็บนานขึ้นสามารถแช่ตู้เย็น
การนำถั่วลิสงอบไปใช้ในเมนูต่าง ๆ
-
ของว่างทานเล่นระหว่างวัน
-
โรยบนสลัด ซีเรียล หรือโยเกิร์ต
-
ใส่ในเบเกอรี่ ขนม หรือคุกกี้
-
ผสมกับถั่วชนิดอื่นหรือผลไม้แห้งเพื่อเป็นสแน็คสุขภาพ
-
ทำเป็นของว่างสำหรับเด็กหรือผู้สูงอายุ
เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ ของว่างเพื่อสุขภาพ หอมมัน เคี้ยวเพลิน
เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ เป็นของว่างยอดนิยมที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ ด้วยรสชาติหอมมัน เคี้ยวหนึบ ทำให้เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบเป็นแหล่ง โปรตีน ไขมันดี ไฟเบอร์ และวิตามิน ที่ช่วยบำรุงหัวใจ สมอง และผิวพรรณ นอกจากนี้ยังสามารถพกพาเป็นของว่างระหว่างวันหรือใช้ประกอบในเมนูอาหารต่าง ๆ
คุณค่าทางโภชนาการของเม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ
เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญหลายชนิด ได้แก่:
-
โปรตีนสูง ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
-
ไขมันดี (โอเมก้า-3 และโอเมก้า-6) ช่วยลดคอเลสเตอรอลและบำรุงหัวใจ
-
ไฟเบอร์สูง ดีต่อระบบย่อยอาหารและช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน
-
วิตามินบีรวมและวิตามินอี ช่วยกระตุ้นพลังงานและต้านอนุมูลอิสระ
-
แมกนีเซียมและธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงกระดูกและเลือด
ด้วยคุณค่าทางโภชนาการเหล่านี้ เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบจึงเป็นของว่างเพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์แบบ
ประโยชน์ของเม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ
-
บำรุงหัวใจและหลอดเลือด – ไขมันดีช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
-
เสริมสมองและความจำ – แมกนีเซียมและวิตามินบีช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง
-
ช่วยควบคุมน้ำหนัก – ไฟเบอร์และโปรตีนช่วยให้อิ่มนาน
-
บำรุงผิวพรรณ – วิตามินอีช่วยชะลอริ้วรอย
-
สะดวกและพกพาง่าย – ทานเล่น หรือใส่ในสลัด เบเกอรี่ และซีเรียล
วิธีทำเม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ
-
เตรียมเม็ดมะม่วงหิมพานต์สด
-
โรยเกลือเล็กน้อยหรือน้ำมันเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ
-
นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 150–170 องศาเซลเซียส ประมาณ 10–15 นาที จนหอมและกรอบ
-
ปล่อยให้เย็นก่อนเก็บใส่ภาชนะปิดสนิท
สามารถปรับรสชาติด้วย ผงช็อกโกแลต น้ำผึ้ง หรือเครื่องเทศ เพื่อความหลากหลาย
การเก็บรักษาเม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ
เก็บเม็ดมะม่วงหิมพานต์อบใน ภาชนะปิดสนิทและวางในที่แห้งและเย็น จะช่วยคงความกรอบและรสชาติได้นานหลายสัปดาห์ หากต้องการเก็บนานขึ้นสามารถแช่ตู้เย็น
การนำเม็ดมะม่วงหิมพานต์อบไปใช้ในเมนูต่าง ๆ
-
ของว่างทานเล่นระหว่างวัน
-
โรยบนสลัด ซีเรียล หรือโยเกิร์ต
-
ใส่ในเบเกอรี่ ขนม หรือคุกกี้
-
ผสมกับถั่วชนิดอื่นหรือผลไม้แห้งเพื่อเป็นสแน็คสุขภาพ
-
ทำเป็นของว่างสำหรับเด็กหรือผู้สูงอายุ
ข้าวเกรียบอบกรอบ ของว่างกรุบกรอบ แคลอรีต่ำ ทานเพลิน
ข้าวเกรียบอบกรอบ เป็นของว่างยอดนิยมที่ทั้งกรอบและทานง่าย รสชาติอร่อย เค็มเล็กน้อย หรือหวานตามประเภท สามารถใช้เป็นของว่างเพื่อสุขภาพ หรือทานคู่กับซอส น้ำจิ้ม และชีส ข้าวเกรียบอบกรอบทำมาจาก แป้งข้าวหรือธัญพืชเต็มเมล็ด ผ่านกระบวนการอบ ทำให้มีแคลอรีต่ำ และเป็นของว่างที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย
คุณค่าทางโภชนาการของข้าวเกรียบอบกรอบ
ข้าวเกรียบอบกรอบอุดมด้วยสารอาหารหลายชนิด เช่น:
-
คาร์โบไฮเดรตจากข้าวและธัญพืชเต็มเมล็ด ให้พลังงาน
-
ไฟเบอร์สูง ช่วยระบบย่อยอาหารและความอิ่มนาน
-
แคลอรีต่ำ เหมาะสำหรับคนควบคุมน้ำหนัก
-
โปรตีนเล็กน้อย ช่วยเสริมพลังงานระหว่างวัน
-
วิตามินและแร่ธาตุ จากธัญพืชและส่วนผสมธรรมชาติ
ด้วยคุณค่าทางโภชนาการนี้ ข้าวเกรียบอบกรอบจึงเป็นตัวเลือกของว่างที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ
ประโยชน์ของข้าวเกรียบอบกรอบ
-
แคลอรีต่ำและกรอบอร่อย – เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพและควบคุมน้ำหนัก
-
พกพาง่าย – เป็นของว่างระหว่างวันหรือทานเล่นได้ทุกเวลา
-
ช่วยให้อิ่มนาน – ไฟเบอร์จากธัญพืชช่วยลดความหิว
-
ทานคู่ได้หลายเมนู – น้ำจิ้ม ซอส หรือชีส
-
เหมาะกับทุกวัย – ของว่างทานง่ายสำหรับเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ
วิธีทำข้าวเกรียบอบกรอบ
-
เตรียมแป้งข้าวหรือธัญพืชเต็มเมล็ดผสมกับน้ำและเกลือเล็กน้อย
-
นวดและปั้นเป็นแผ่นบาง ๆ
-
นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 150–170 องศาเซลเซียส ประมาณ 15–20 นาที จนกรอบและสีทอง
-
ปล่อยให้เย็นก่อนเก็บในภาชนะปิดสนิท
สามารถเพิ่มรสชาติด้วย สมุนไพร ผงพริก หรือชีส เพื่อความหลากหลาย
การเก็บรักษาข้าวเกรียบอบกรอบ
เก็บข้าวเกรียบอบกรอบใน ภาชนะปิดสนิทและวางในที่แห้ง จะช่วยคงความกรอบได้นานหลายสัปดาห์ หากเก็บในถุงสุญญากาศสามารถยืดอายุได้มากขึ้น
การนำข้าวเกรียบอบกรอบไปใช้ในเมนูต่าง ๆ
-
ของว่างทานเล่นระหว่างวัน
-
ทานคู่ซอส น้ำจิ้ม หรือชีส
-
โรยหน้าเบเกอรี่หรือสลัดเพื่อเพิ่มความกรอบ
-
เป็นของว่างสำหรับเด็กหรือผู้สูงอายุ
-
ใช้ในงานปาร์ตี้หรือของว่างรองท้อง
ข้อดีของอาหารอบแห้ง
-
เก็บได้นาน – ลดความชื้นในอาหาร ทำให้เชื้อราและแบคทีเรียเติบโตได้ยาก
-
สะดวกในการพกพา – เหมาะกับการเดินทางหรือทำกิจกรรมนอกบ้าน
-
คงรสชาติและคุณค่า – แม้จะผ่านกระบวนการอบแห้ง แต่ยังคงรสชาติและสารอาหารบางส่วน
-
ประยุกต์ได้หลากหลาย – กินเล่นก็ได้ นำมาปรุงอาหารก็อร่อย
สรุป
อาหารอบแห้งถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ทั้งสะดวก อร่อย และเก็บได้นาน มีให้เลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้อบแห้ง ผักอบกรอบ เนื้อสัตว์อบแห้ง หรือถั่วอบกรอบ หากเลือกชนิดที่ดีและเก็บรักษาอย่างเหมาะสม อาหารอบแห้งก็จะกลายเป็นของว่างและวัตถุดิบคู่ครัวที่ครบครัน
ติดตามบทความดีๆเพิ่มเติมได้ (กด)
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ line ID @ptkss.com (กด)