Soy Lecithin
สั่งซื้อสินค้า :
- จัดส่งเร็ว ภายใน 1-2 วัน
- มีทีมช่างและอะไหล่สำรอง
- รับประกันศูนย์ไทย 1 ปี
- ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน*









Soy Lecithin
Soy Lecithin น้ำหนัก/ปริมาตรสุทธิ [หน่วย] 500 ml / 1 L
คุณสมบัติเด่น:
-
- วัตถุเจือปนอาหารอเนกประสงค์
- ช่วยผสานน้ำมันและน้ำ
- เพิ่มความเนียนนุ่มให้กับเนื้อสัมผัส
- จากถั่วเหลืองธรรมชาติ
ส่วนประกอบ:
- 100% Soy Lecithin (Liquid Form)
วิธีใช้:
- ใช้เป็นวัตถุเจือปนอาหารในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น:
- เบเกอรี่: ช่วยให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดีขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้นและยืดอายุขนมปัง
- ช็อกโกแลต: ช่วยลดความหนืด เพิ่มความเงางาม
- อาหารสัตว์: เป็นแหล่งพลังงานและช่วยการย่อยไขมัน
- เครื่องสำอาง: ใช้เป็นสาร Emulsifier ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
- ปริมาณการใช้: ปรับตามสูตรและวัตถุประสงค์การใช้งาน
ข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร:
- มีผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
คำแนะนำในการเก็บรักษา:
- ปิดฝาให้สนิท
- เก็บในที่แห้งและเย็น พ้นจากแสงแดดโดยตรง
- หลังจากเปิดใช้ ควรใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน
การใช้ Soy Lecithin ชนิดน้ำในอาหารนั้นมีหลากหลายและขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน เนื่องจากเลซิตินเป็นสารอิมัลซิไฟเออร์ (emulsifier) ที่ช่วยผสานส่วนผสมที่เป็นน้ำและน้ำมันเข้าด้วยกัน รวมถึงมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเนื้อสัมผัสและคุณภาพของผลิตภัณฑ์
นี่คือแนวทางอัตราการใช้โดยประมาณในอาหารประเภทต่างๆ:
- ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ (ขนมปัง, เค้ก,
คุกกี้):
- หน้าที่: ช่วยให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดีขึ้น, เพิ่มความชุ่มชื้นและยืดอายุขนมปัง, ทำให้เนื้อสัมผัสของขนมนุ่มเนียนขึ้น, ช่วยในการขึ้นฟู (โดยเฉพาะในขนมปังที่มีไขมันต่ำ)
- อัตราการใช้: โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 0.5% – 2% ของน้ำหนักแป้ง หรือ 3-10% ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่ต้องประสาน หากสูตรมีน้ำมาก อาจต้องใช้เลซิตินปริมาณมากขึ้น
- วิธีใช้: มักจะละลายในส่วนของน้ำมันหรือไขมันที่ใช้ในสูตรก่อน แล้วจึงผสมรวมกับส่วนผสมอื่นๆ
-
ช็อกโกแลตและผลิตภัณฑ์โกโก้:
- หน้าที่: ช่วยลดความหนืดของช็อกโกแลต ทำให้ไหลได้ดีขึ้น (improving flow properties), ลดปริมาณไขมันโกโก้ที่ต้องใช้, ช่วยป้องกันการเกิด Fat Bloom (คราบไขมันสีขาวบนผิวช็อกโกแลต) และ Sugar Bloom (คราบน้ำตาล) ทำให้ช็อกโกแลตมีความเงางาม
- อัตราการใช้: โดยทั่วไปประมาณ 0.3% – 0.5% ของน้ำหนักรวมของช็อกโกแลต
-
มายองเนสและน้ำสลัด:
- หน้าที่: เป็นอิมัลซิไฟเออร์หลักในการรวมน้ำและน้ำมันให้เป็นเนื้อเดียวกันอย่างเสถียร ป้องกันการแยกชั้น
- อัตราการใช้: อาจแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วง 0.5% – 2% ของน้ำหนักรวมของผลิตภัณฑ์
-
ผลิตภัณฑ์นมและไอศกรีม:
- หน้าที่: ช่วยให้เนื้อสัมผัสเนียนขึ้น, ลดการเกิดผลึกน้ำแข็งในไอศกรีม, ป้องกันการแยกชั้นของไขมันในผลิตภัณฑ์นม
- อัตราการใช้: โดยทั่วไปอยู่ในช่วง 0.1% – 0.5% ของน้ำหนักรวม
- ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูป (ไส้กรอก,
แฮม):
- หน้าที่: ช่วยในการจับตัวกันของเนื้อสัตว์และไขมัน (emulsification), เพิ่มความคงตัวของผลิตภัณฑ์, ลดการสูญเสียน้ำระหว่างการปรุง
- อัตราการใช้: ขึ้นอยู่กับชนิดของผลิตภัณฑ์ โดยทั่วไปอาจอยู่ในช่วง 0.1% – 0.5%
-
อาหารสัตว์:
- หน้าที่: ปรับปรุงการย่อยและการดูดซึมสารอาหาร (โดยเฉพาะไขมัน), เพิ่มประสิทธิภาพการป้อนโดยรวม, รองรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดีของสัตว์
- อัตราการใช้: มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในอาหารสัตว์ แต่ปริมาณจะแตกต่างกันไปตามชนิดสัตว์และสูตรอาหาร
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม:
- ปริมาณสารออกฤทธิ์ (Active content): Lecithin ชนิดน้ำแต่ละยี่ห้ออาจมีปริมาณ Phosphatidylcholine (สารออกฤทธิ์หลักในเลซิติน) ที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและปริมาณที่ต้องใช้
- วัตถุประสงค์เฉพาะ: การใช้งานแต่ละอย่างมีเป้าหมายที่ต่างกัน เช่น ต้องการให้เนื้อสัมผัสเนียนขึ้น, ต้องการลดความหนืด, ต้องการเพิ่มอายุการเก็บรักษา ปริมาณที่ใช้จึงต้องปรับตามเป้าหมาย
- การทดลอง: ควรเริ่มต้นด้วยปริมาณน้อยๆ และค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เนื่องจากปัจจัยหลายอย่างในสูตรอาหาร เช่น ปริมาณน้ำ, ไขมัน, โปรตีน, หรืออุณหภูมิการแปรรูป อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของเลซิติน
- กฎหมายอาหาร: ตรวจสอบข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลด้านอาหารในประเทศนั้นๆ เกี่ยวกับปริมาณสูงสุดที่อนุญาตให้ใช้เลซิตินในแต่ละประเภทอาหาร (ในไทยคือ อย.)
- การละลาย: Lecithin ชนิดน้ำส่วนใหญ่ละลายได้ดีในไขมันหรือน้ำมัน และต้องการความร้อนเล็กน้อย (เช่น 80 องศาเซลเซียส) เพื่อช่วยในการกระจายตัวที่ดีขึ้น ก่อนนำไปผสมกับส่วนผสมที่เป็นน้ำ
การระบุ “ปริมาณการใช้: ปรับตามสูตรและวัตถุประสงค์การใช้งาน (แนะนำให้ทดสอบในปริมาณน้อยก่อน)” บนฉลากสินค้าของคุณเป็นสิ่งที่ดีและเหมาะสมที่สุด เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถทดลองและปรับใช้ได้ตามความต้องการของตนเองครับ
