ไส้เทียมคอลลาเจน (Collagen Casing) คือวัสดุหุ้มอาหารที่ผลิตจาก คอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนธรรมชาติ ที่ได้จากหนังสัตว์ เช่น หนังวัวหรือหนังหมู แล้วนำมาขึ้นรูปเป็นท่อยาว เพื่อใช้ห่อหุ้มไส้กรอกหรือผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปชนิดต่าง ๆ

ปัจจุบัน ไส้คอลลาเจนเป็นที่นิยมมากในอุตสาหกรรมผลิตไส้กรอก เพราะมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับไส้ธรรมชาติ แต่สะอาดกว่า ใช้งานง่ายกว่า และมีให้เลือกหลายขนาดตามลักษณะผลิตภัณฑ์ที่ต้องการทำ เช่น ไส้กรอกรมควัน ไส้กรอกอีสาน กุนเชียง หรือไส้อั่ว

ข้อดีของไส้เทียมคอลลาเจน

1. ทนความร้อนสูง
   สามารถนำไปต้ม อบ ย่าง หรือรมควันได้โดยไม่ฉีกขาดง่าย
2. ยืดหยุ่นดี
   ช่วยให้ยัดไส้ได้ง่าย ไม่ฉีกขาดขณะใช้งาน
3. รสชาติใกล้เคียงไส้ธรรมชาติ
   ไม่มีกลิ่นสังเคราะห์ ไม่มีรสพลาสติกเหมือนไส้เทียมบางชนิด
4. เก็บได้นาน
   หากเก็บในที่แห้งและเย็น สามารถเก็บได้นานหลายเดือนโดยไม่เสื่อมคุณภาพ

วิธีใช้ไส้เทียมคอลลาเจน

1. แช่ไส้ในน้ำเย็นประมาณ 5 -30 นาที เพื่อให้ไส้นิ่มและยืดหยุ่น
2. บีบน้ำออกจากไส้ให้หมดก่อนนำไปใช้งาน
3. ยัดไส้ด้วยเครื่องอัดไส้ หรือใช้มือก็ได้
4. อัดเนื้อให้แน่นพอดี อย่ายัดมากจนเกินไป
5. มัดปลายไส้ให้แน่น
6. ใช้เข็มหรือไม้แหลม เจาะรูเพื่อไล่ฟองอากาศออก
7. ใช้ไฟอ่อนๆ ในการย่าง ทอด นึ่ง ก่อนทำให้สุกควรเจาะรูไล่ฟองอากาศอีกครั้ง

ข้อควรระวังในการใช้ไส้เทียมคอลลาเจน

• ล้างไส้ให้สะอาดก่อนใช้งาน
• อย่ายัดไส้แน่นเกินไป เพราะอาจทำให้ไส้แตกขณะปรุง
• ควรใช้ไฟอ่อนในขั้นตอนการต้มหรือย่าง
• ใช้ไม้จิ้มรูเล็ก ๆ เพื่อไล่อากาศออกก่อนปรุง จะช่วยป้องกันไส้แตก
• หลีกเลี่ยงการต้มเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ไส้แข็งกระด้าง

วิธีเลือกขนาดไส้เทียมคอลลาเจนให้เหมาะกับผลิตภัณฑ์

การเลือกขนาดไส้ควรดูจาก “เบอร์” ของไส้เทียม ซึ่งหมายถึง เส้นผ่านศูนย์กลางหลังจากอัดเนื้อแล้ว หน่วยเป็นมิลลิเมตร (มม.) ตัวอย่างเช่น:

• เบอร์ 16 = เส้นผ่านศูนย์กลาง 16 มม. หลังอัดไส้เสร็จ

ตัวอย่างการเลือกขนาดที่เหมาะสม:

แนะนำให้สั่งไส้เทียมในปริมาณเล็ก ๆ มาทดลองก่อน เพื่อให้ได้ขนาดที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ของคุณมากที่สุด

เคล็ดลับการใช้งานไส้เทียมคอลลาเจน

• หากไม่มีเครื่องอัดไส้ สามารถใช้ถุงพลาสติกใสตัดเป็นกรวยชั่วคราว เพื่อยัดไส้ด้วยมือได้
• ต้องการไส้กรอกที่มีขนาดสม่ำเสมอ ควรใช้เครื่องอัดไส้แบบมือหมุนหรือไฟฟ้า
• เก็บไส้เทียมไว้ใน ที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง เพื่อยืดอายุการใช้งาน

ตัวอย่างไส้กรอก พร้อมประเภทไส้ที่แนะนำ

1. ไส้กรอกรมควัน (Smoked Sausage)

•  รสชาติกลมกล่อม มีกลิ่นรมควันหอม
•  เนื้อเนียนละเอียด มักนิยมย่างหรืออบก่อนเสิร์ฟ
• ไส้ที่แนะนำ: คอลลาเจนเบอร์ 28–36 (ชนิดกินได้)

2. ไส้กรอกอีสาน

• เนื้อหยาบ เปรี้ยวเล็กน้อยจากการหมัก
•  มักย่างหรือนึ่ง เสิร์ฟพร้อมขิงดองและพริก
• ไส้ที่แนะนำ: คอลลาเจนเบอร์ 16–24 (มินิ), 27–28 (ปกติ)

3. ไส้อั่ว

•  เครื่องเทศจัดจ้าน หอมสมุนไพร
•  นิยมใช้เนื้อหมูบดหยาบ ผสมสมุนไพร เช่น ตะไคร้ ใบมะกรูด
• ไส้ที่แนะนำ: คอลลาเจนเบอร์ 16–21 (มินิ), 30–36 (ขนาดใหญ่)

4. ไส้กรอกเวียนนา (Vienna Sausage)

• เนื้อละเอียดมาก รสชาตินุ่มละมุน
• มักนำไปต้มแล้วเสิร์ฟทันที
• ไส้ที่แนะนำ: คอลลาเจนเบอร์ 21–23 (ชนิดกินได้)

5. ไส้กรอกแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurter)

• รมควันบางส่วน เนื้อเนียน กลิ่นหอมเฉพาะตัว
• นิยมย่างหรืออบก่อนเสิร์ฟ ให้เปลือกกรอบ
• ไส้ที่แนะนำ: คอลลาเจนเบอร์ 21–24 (ชนิดกินได้)

6. กุนเชียง

• เนื้อแน่น หวานเค็มเล็กน้อย มักทอดก่อนรับประทาน
• เก็บไว้ได้นานในอุณหภูมิห้อง
• ไส้ที่แนะนำ: คอลลาเจนเบอร์ 21–24 (ชนิดลอกเปลือกได้)

7. ไส้กรอกชีส

• เนื้อแน่นแต่อมนุ่ม เมื่อกัดจะมีชีสเยิ้มออกมา
• นิยมในกลุ่มไส้กรอกย่างหรือทอด
• ไส้ที่แนะนำ: คอลลาเจนเบอร์ 24–28

8. ไส้กรอกปลา / ไส้กรอกไก่

• ทางเลือกสุขภาพ ไขมันต่ำ
•  เหมาะกับผู้บริโภคที่เลี่ยงเนื้อแดง
• ไส้ที่แนะนำ: คอลลาเจนเบอร์ 18–24 (ขึ้นอยู่กับสูตร)

สงสัยส่วนไหน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ line ID @ptkss.com (กด)