สูตรแยมเบอร์รี่ ควรใช้สารข้นหนืดตัวไหนดี คาราจีแนน กัวร์กัม ซีเอ็มซี หรือ เจลาติน
สูตรแยมเบอร์รี่ เลือกสารข้นหนืดสำหรับแยมเบอร์รี่รวม: คาราจีแนน, กัวร์กัม, ซีเอ็มซี หรือ เจลาติน?
การเลือกสารข้นหนืดสำหรับทำแยมเบอร์รี่รวมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เนื้อสัมผัสที่ต้องการ รสชาติ และวิธีการใช้ แต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนี้ค่ะ
1. คาราจีแนน (Carrageenan)
- ข้อดี: ให้เนื้อสัมผัสที่นุ่ม เหนียว และมีเจลที่ดี เหมาะสำหรับแยมที่มีเนื้อผลไม้ชิ้นใหญ่
- ข้อควรระวัง: ต้องใช้ความร้อนในการละลาย และอาจทำให้แยมมีกลิ่นคาวเล็กน้อยหากใช้ในปริมาณมาก
2. กัวร์กัม (Guar Gum)
- ข้อดี: ให้ความข้นเหนียวสูง ทำให้แยมมีเนื้อสัมผัสหนืดและข้น
- ข้อควรระวัง: ละลายน้ำได้ง่าย แต่หากใช้มากเกินไปอาจทำให้แยมแข็งเกินไป
3. ซีเอ็มซี (CMC – Carboxymethyl Cellulose)
- ข้อดี: ให้ความข้นเหนียวสูง ไม่ก่อให้เกิดรสชาติ แปลกปลอม
- ข้อควรระวัง: ละลายน้ำได้ช้ากว่ากัวร์กัม
4. เจลาติน
- ข้อดี: ให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มและสั่นไหวคล้ายวุ้น เหมาะสำหรับแยมที่มีส่วนผสมของน้ำเยอะ
- ข้อเสีย: ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติหรือวีแกน
คำแนะนำสำหรับแยมเบอร์รี่รวม:
- คาราจีแนน เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับแยมเบอร์รี่รวม เพราะจะทำให้แยมมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มและคงรูปของผลไม้ได้ดี
- กัวร์กัม ก็สามารถใช้ได้ แต่ควรระวังปริมาณที่ใช้ เพื่อไม่ให้แยมแข็งเกินไป
- ซีเอ็มซี สามารถใช้ได้ แต่ต้องใช้เวลาในการละลายนานกว่าชนิดอื่นๆ
- เจลาติน ไม่ค่อยเหมาะสำหรับแยมเบอร์รี่รวม เนื่องจากอาจทำให้แยมมีเนื้อสัมผัสแข็งเกินไป
ปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณา:
- ปริมาณน้ำในผลไม้: หากผลไม้มีน้ำมาก ควรเลือกสารข้นหนืดที่ให้ความข้นเหนียวสูง เช่น กัวร์กัม หรือคาราจีแนน
- รสชาติที่ต้องการ: หากต้องการแยมที่มีรสชาติเป็นธรรมชาติ ควรเลือกสารข้นหนืดที่ไม่มีกลิ่นและรสชาติ เช่น ซีเอ็มซี หรือกัวร์กัม
- วิธีการทำ: หากต้องการแยมที่มีเนื้อสัมผัสเรียบเนียน ควรเลือกสารข้นหนืดที่ละลายน้ำได้ง่าย เช่น กัวร์กัม หรือซีเอ็มซี
เคล็ดลับเพิ่มเติม:
- เริ่มต้นด้วยปริมาณน้อย: ควรเริ่มจากการใช้สารข้นหนืดในปริมาณน้อยก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณทีละน้อย เพื่อให้ได้ความข้นเหนียวที่ต้องการ
- ทดลองทำ: การทำแยมเป็นเรื่องของการทดลองและปรับสูตรตามความชอบของแต่ละคน ไม่ต้องกังวลถ้าครั้งแรกอาจจะยังไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
สรุป:
การเลือกสารข้นหนืดสำหรับทำแยมเบอร์รี่รวมขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลและปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ลองทดลองใช้สารข้นหนืดชนิดต่างๆ เพื่อหาสูตรที่ถูกใจที่สุดนะคะ
สูตรแยมเบอร์รี่รวมเข้มข้น ด้วยคาราจีแนน
คาราจีแนน ช่วยให้แยมเบอร์รี่ของคุณมีเนื้อสัมผัสหนึบหนับ เหมือนทานเจลลี่เล็กๆ ปนกับผลไม้สดๆเลยค่ะ สูตรนี้จะเน้นความเข้มข้นของรสชาติเบอร์รี่แท้ๆ และเนื้อสัมผัสที่น่าสนใจส่วนผสม
- เบอร์รี่รวม (สตรอว์เบอร์รี, บลูเบอร์รี,ราสเบอร์รี) 500 กรัม
- น้ำตาลทราย 200 กรัม
- น้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ
- คาราจีแนน 1/2 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
อุปกรณ์
- หม้อขนาดกลาง
- ช้อนไม้
- กระปุกแก้วสำหรับบรรจุ
วิธีทำ
- เตรียมเบอร์รี่: ล้างเบอร์รี่ให้สะอาด แล้วเด็ดก้านออก หากมีเบอร์รี่เสียให้คัดออก
- ผสมส่วนผสม: ใส่เบอร์รี่ น้ำตาล และน้ำเลมอนลงในหม้อ ตั้งไฟกลาง เคี่ยวไปเรื่อยๆ พร้อมคนเบาๆ จนเบอร์รี่เริ่มแตกตัวและน้ำซอสเริ่มข้น
- ละลายคาราจีแนน: ในขณะที่เคี่ยวเบอร์รี่ ให้นำคาราจีแนนไปผสมกับน้ำเปล่า คนให้เข้ากันจนคาราจีแนนละลายหมด
- ผสมคาราจีแนนลงในแยม: เมื่อเบอร์รี่เริ่มแตกตัวและน้ำซอสข้นดีแล้ว ให้เทคาราจีแนนที่ละลายแล้วลงไปในหม้อ คนให้เข้ากันดี
- เคี่ยวต่อ: เคี่ยวต่ออีกประมาณ 5-10 นาที หรือจนได้ความข้นที่ต้องการ
- บรรจุขวด: ตักแยมใส่ขวดแก้วที่สะอาดและแห้ง ปิดฝาให้สนิท
- ฆ่าเชื้อ: นำขวดแยมไปต้มในน้ำเดือดประมาณ 15 นาที เพื่อยืดอายุการเก็บรักษา
เคล็ดลับ
- ความหวาน: ปรับปริมาณน้ำตาลได้ตามชอบ หากชอบรสเปรี้ยว สามารถเพิ่มน้ำเลมอนได้
- ความข้น: หากต้องการแยมที่ข้นมากขึ้น สามารถเพิ่มปริมาณคาราจีแนนได้เล็กน้อย
- ความหลากหลาย: สามารถเพิ่มผลไม้ชนิดอื่นๆ ได้ตามชอบ เช่น บลูเบอร์รี, ราสเบอร์รี หรือแบล็คเบอร์รี
- การเก็บรักษา: แยมที่ทำเสร็จแล้วสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานหลายสัปดาห์
ข้อควรระวัง:
- คาราจีแนนมีหลายชนิด เลือกชนิดที่เหมาะสำหรับการทำอาหาร
- หากใช้คาราจีแนนมากเกินไป อาจทำให้แยมมีเนื้อสัมผัสแข็งเกินไป
- ควรคนแยมตลอดเวลาขณะเคี่ยว เพื่อป้องกันการไหม้
หมายเหตุ: สูตรนี้เป็นเพียงตัวอย่าง สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบส่วนตัว
สนุกกับการทำแยมเบอร์รี่นะคะ!
แยมเบอร์รี่รวม ควรใช้สารข้นหนืดตัวไหนดี คาราจีแนน กัวร์กัม ซีเอ็มซี หรือ เจลาติน
สงสัยส่วนไหน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ line ID @ptkss.com (กด)